วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2565

หนองหาร ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ อันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากบึงบระเพ็ด

และอันดับ 1 ในภาคอีสาน มีเนื้อที่กว่า 77,000 ไร่

ความลึกเฉลี่ยประมาณ 2.0-10.0 เมตร มีเกาะน้อยใหญ่ เกือบ 30 เกาะ
ความเชื่อเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาคมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ

 
มีตำนานมากมายเกี่ยวกับพญานาคหนึ่งในนั้นคือ
" ตำนานผาแดง นางไอ่"

      ครั้งหนึ่งยังมีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อ นครเอกชะทีตา มีพระยาขอมเป็นกษัตริย์ ปกครองเมืองด้วยความร่มเย็น พระยาขอมมีพระธิดาสาวสวยนามว่า "นางไอ่คำ" ซึ่งเป็นที่รักและหวงแหนมาก พระยาขอมจึงสร้างปราสาท 7 ชั้นให้อยู่ พร้อมเหล่าสนม นางกำนัล ให้คอยดูแลนางอย่างดี

ความงามของนางเป็นที่เลืองลือไปทั่ว เป็นที่หมายปองของบรรดาเจ้าชายเมืองต่างๆ มากมาย

ขณะเดียวกันยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อ เมืองผาโพง มีเจ้าชายนามว่า ท้าวผาแดง เป็นกษัตริย์ ปกครองอยู่ ท้าวผาแดงได้ยิน กิตติศัพท์ความงามของธิดาไอ่คำก็ใคร่อยากจะเห็นหน้า จึงปลอมตัวเป็นพ่อค้า พเนจรมาจนถึงนครเอกชะทีตา ก็ให้มหาดเล็กนำของขวัญลอบ เข้าไป ให้นางไอ่คำ เมื่อมหาดเล็กนำสิ่งของไปมอบให้และเล่าถึงความงามของท้าวผาแดงให้นางไอ่คำฟัง นางก็เกิดความพึงพอใจ และฝากเครื่องบรรณาการไปให้ท้าวผาแดงเป็นการตอบแทนด้วยเช่นกัน ก่อนที่มหาดเล็กจะเดินทางกลับ นางไอ่คำได้ฝากคำกล่าวเชิญท้าวผาแดงซึ่งรออยู่นอกเมืองให้เข้าไปในเมืองขอมเพื่อพบกับนางด้วย ทันทีที่ทั้งสองได้พบกันก็เกิดเป็นความรักขึ้นมา

            กล่าวถึง “ท้าวพังคี โอรสของ “ท้าวสุทโธนาคราช เจ้าผู้ครองเมืองบาดาล ท้าวพังคีก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเห็นความงามของนางไอ่คำ ด้วยเช่นกัน 

อาจจะเป็นเพราะผลกรรมที่ทำร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อนก็เป็นได้ ด้วยท้าวพังคีได้เคยเกิดเป็นชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์ยากจนและเป็นใบ้ เขาเดินขอทานไปตามหมู่บ้านต่างๆ จนมาถึงบ้านของเศรษฐีคนหนึ่ง จึงได้ไปขออาศัยอยู่และช่วยเศรษฐีทำงานโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย เศรษฐีพอใจและรักใคร่เป็นอย่างมากถึงกับยกลูกสาวคนหนึ่งให้แต่งงานเป็นภรรยา ซึ่งก็คือนางไอ่คำในชาติปัจจุบัน เมื่อแต่งงานแล้วชายหนุ่มแทนที่จะดูแลรักใคร่ภรรยาของตน เขากลับไม่สนใจใยดีนางเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยหลับนอนด้วยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนภรรยาก็ไม่เคยปริปากบอกใครเฝ้าปรนนิบัติสามีด้วยดีเสมอมา

            กระทั่งวันหนึ่งชายหนุ่มเกิดคิดถึงบ้าน จึงขอพาภรรยาเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านของตน เศรษฐีจึงให้บ่าวไพร่เตรียมเสบียงอาหารให้ในการเดินทาง ตลอดทางชายหนุ่มไม่สนใจดูแลนางอีกเช่นเคย และด้วยระยะทางที่ไกลมาก ทำให้เสบียงที่เตรียมมาหมดลงกลางทาง ทั้งสองรู้สึกหิวมาก ขณะนั้นเองเขาก็เห็นต้นมะเดื่อต้นหนึ่งมีผลสุกเต็มต้นเขาจึงปีนขึ้นไปเก็บกินด้วยความหิว โดยไม่คิดจะเก็บลงมาแบ่งให้นางบ้าง เมื่อสามีปีนลงมาจากต้นมะเดื่อ นางจึงตัดสินใจปีนขึ้นไปเก็บกินเอง เมื่อกินอิ่มแล้วนางก็ปีนกลับลงมาจากต้นมะเดื่อ แต่ทว่านางกลับไม่พบสามีเสียแล้ว นางรู้สึกทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างยิ่ง นางจึงเดินไปเพียงลำพัง พอเดินมาถึงต้นไทรริมฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่ง นางจึงลงไปอาบน้ำและดื่มกินจนรู้สดชื่น การที่สามีทำกับนางเช่นนี้นางรู้สึกเสียใจมาก นางจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า “ชาติหน้าเมื่อเขาเกิดมา ขอให้นอนตายอยู่บนกิ่งไม้ อย่าได้เป็นสามีภรรยากันอีกเลย ด้วยแรงอธิษฐานของนาง ในชาติต่อมาสามีของนางจึงเกิดมาเป็นท้าวพังคี ส่วนนางได้เกิดมาเป็นนางไอ่คำ

เมื่อนางไอ่คำเติบโตเป็นสาว พระยาขอมผู้เป็นบิดาได้มีประกาศแจ้งข่าวไปตามหัวเมืองน้อยใหญ่ให้จัดบั้งไฟมาจุดแข่งขันกันเพื่อบูชาพระยาแถนให้บันดาลฝนตกลงมาตามฤดูกาล และหากบั้งไฟของผู้ใดขึ้นสูงกว่า คนๆ นั้นจะได้แต่งงานกีบนางไอ่คำ โดยกำหนดวันขึ้น 15 เดือน 6 เป็นวันงาน ในวันงานมีเจ้าชายจากเมืองน้อยใหญ่ส่งบั้งไฟมาแข่งกันมากมาย มีผู้คนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก 
ท้าวผาแดงก็ได้นำบั้งไฟมาร่วมด้วย พระยาขอมให้การต้อนรับท้าวผาแดงเป็นอย่างดี ฝ่ายท้าวพังคีโอรสเจ้าเมืองบาดาล รู้ข่าวอยากมาร่วมงานที่เมืองมนุษย์ด้วย ท้าวบาดาลผู้เป็นบิดาห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง ก่อนเดินทางมาถึงเมืองเอกชะทีตา ท้าวพังคีสั่งให้บริวารแปลงร่างเป็นมนุษย์บ้าง เป็นสัตว์บ้าง ส่วนตนเองแปลงร่างเป็นกระรอกเผือก ออกติดตามชมความงามของนางไอ่คำในขบวนแห่ของเจ้าเมืองไปอย่างหลงใหล

         การแข่งขันบั้งไฟเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ซึ่งการแข่งขันบั้งไฟครั้งนั้น พระยาขอมประกาศว่า ถ้าบั้งไฟของใครชนะบั้งไฟของพระยาขอมได้ พระยาขอมจะยกนางไอ่คำให้เป็นคู่ครอง ผลการแข่งขันปรากฏว่าไม่มีบั้งไฟของใครชนะพระยาขอมได้เลย  ส่วนบั้งไฟของท้าวผาแดง จุดไม่ขึ้นพ่นควันดำอยู่ 3 วัน 3 คืน จึงระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ความหวังท้าวผาแดงหมดสิ้นลง การแข่งขันเพื่อได้นางไอ่คำเป็นรางวัลจึงต้องล้มเลิกไป

            เมื่องานบุญบั้งไฟเสร็จสิ้นแล้ว ท้าวผาแดงและท้าวพังคีต่างฝ่ายต่างกลับบ้านเมืองของตน ในที่สุดท้าวพังคีทนอยู่ในเมืองบาดาลไม่ได้ เพราะหลงใหลในความงามของนางไอ่คำจึงพาบริวารกลับมายังเมืองมนุษย์อีกโดยแปลงร่างเป็นกระรอกเผือกอีกครั้งและแขวนกระดิ่งทองไว่ที่คอไว้ เมื่อกระโดดไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้ใกล้หน้าต่างห้องนอนของนางไอ่ กระดิ่งทองมีเสียงดังกังวาลขึ้น นางไอ่ได้ยินเสียงก็เกิดความสงสัยเปิดหน้าต่างออกไปเห็นกระรอกเผือกและเกิดอยากได้ นางจึงสั่งให้นายพรานฝีมือดีตามจับกระรอกเผือกตัวนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย นายพรานออกติดตามกระรอกเผือกตามไปติดๆ แต่ยังจับไม่ได้สักที จึงไล่ตามไปเรื่อยๆ จนมาถึงต้นมะเดื่อที่มีผลสุกเต็มต้น กระรอกเผือกก้มหน้าก้มตากินผลมะเดื่อด้วยความหิว และด้วยกรรมในชาติปางก่อน ในที่สุดพรานจึงได้โอกาสยิ่งกระรอกด้วยหน้าไม้ซึ่งมีลูกดอกอาบยาพิษ

            เวลานั้นท้าวพังคีในร่างของกระรอกเผือกรู้ตัวว่าตนเองต้องตายแน่ๆ จึงสั่งให้บริวารนำความไปแจ้งให้บิดาทราบก่อนตาย และตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้เนื้อของตนมีมากมายถึงแปดพันเล่มเกวียนพอเลี้ยงคนทั้งเมืองได้ทั่วถึง เมื่อกระรอกเผือกสิ้นใจตายร่างของกระรอกเผือกก็ใหญ่โตขึ้น นายพรานได้ชำแหละเนื้อกระรอกเผือกแจกจ่ายไปให้ผู้คนในหมู่บ้านใกล้เคียงกินโดยทั่วกัน ยกเว้นเหล่าแม่ม่ายที่ชาวบ้านรังเกียจไม่ให้เนื้อกระรอกกิน เมื่อบริวารไปบอกท้าวสุทโธนาคราช เจ้าผู้ครองเมืองบาดาล ก็ทรงโกรธแค้นมาก จึ่งสั่งบ่าวไพร่จัดพลขึ้นไปอาละวาดเมืองพระยาขอมให้ถล่มทลายด้วยความแค้น ใครที่กินเนื้อกระรอกให้ฆ่าเสียให้หมด ขณะที่พญานาคออกอาละวาดทำลายบ้านเมืองอยู่นั้น ท้าวผาแดงกำลังขี่ม้า “บักสาม” มุ่งหน้าไปหานางไอ่คำ ระหว่างทางเห็นพญานาคเต็มไปหมด และเล่าเรื่องที่พบเห็นให้นางไอ่คำฟัง แต่นางไม่สนใจและนำอาหารที่มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษมาให้ท้าวผาแดงกิน ท้าวผาแดงจึงถามว่าเนื้ออะไร นางตอบว่า เป็นเนื้อกระรอกเผือก ท้าวผาแดงจึงไม่ยอมกิน

พอตกกลางคืนเหตุการณ์ที่ใครๆ ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จู่ๆ แผ่นดินเมืองเอกชะทีตาก็ถล่มทลายลง  ท้าวผาแดงทราบได้ทันทีว่าเป็นการกระทำของพวกพญานาคจึงคว้าแขนนางไอ่คำขึ้นหลังม้าบักสามควบหนีออกจากเมืองเพื่อให้ปลอดภัย แต่เนื่องจากนางไอ่คำกินเนื้อกระรอกเผือกเข้าไป แม้จะหนีไปทางไหนก็ถูกพวกพญานาคติดตามไปอย่างไม่ลดละในที่สุดนางไอ่ก็ถูกพญานาคใช้หางฟาดตกจากหลังม้าและจมหายไปในพื้นดินทันทีนางไอ่จมดินหายไปต่อหน้าต่อตา 

ส่วนท้าวผาแดงเมื่อกลับถึงเมืองผาโพง เกิดตรอมใจคิดถึงนางไอ่คำตลอดเวลา จนล้มป่วยตรอมใจตายตามนางไอ่คำไป 

เมื่อท้าวผาแดงตายไปเป็นผี มีความอาฆาตพยาบาทต่อพญานาคอยู่ไม่วาย ครั้นมีโอกาสเหมาะ ผีท้าวผาแดงได้รวบรวมบริวารกองทัพผีเป็นแสนๆ ไปรบกับพญานาคให้หายแค้น โดยล้อมเมืองบาดาลไว้รอบด้าน ผีท้าวผาแดงและท้าวสุทโธนาคราชเจ้าเมืองบาดาล ต่างฝ่ายต่างใช้อิทธิฤทธิ์รบกันนานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่มีใครแพ้ใครชนะ ฝ่ายเจ้าเมืองบาดาล ซึ่งแก่ชรามากแล้วไม่อยากทำบาปทำกรรมต่อไป เพราะต้องการไปเกิดในภพของพระศรีอาริยเมตไตรย จึงไปขอร้อง ท้าวเวสสุวัณ ผู้เป็นใหญ่ให้มาตัดสินให้ ท้าวเวสสุวัณทราบว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของกรรมเก่า จึงขอให้ทั้งสองฝ่ายเลิกราต่อกัน อโหสิกรรมให้กัน เมื่อผีท้าวผาแดงและพญานาคราชได้ฟังคำสั่งสอนของท้าวเวสสุวัณก็เข้าใจ เหตุการณ์ทั้งหมดจึงยุติลงนับแต่นั้นมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื้อเพลง