“ปาจิต-อรพิม” เป็นนิทานเรื่องเล่าแบบมุขปาฐะซึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายในท้องถิ่นอีสาน นำมาจากชาดกนอกนิบาตเรื่อง “ปาจิตตกุมารชาดก” ใน “ปัญญาสชาดก” เนื้อเรื่องแบ่งเป็นการเล่าแบบสอนศาสนาและเล่าเป็นแบบนิทานชาวบ้านผนวกการอธิบายชื่อบ้านนามเมือง “ปาจิต-อรพิม” จึงมีความสำคัญต่อการศึกษาความเป็นมาของคนในท้องถิ่นบริเวณอีสานใต้ ซึ่งใช้อธิบายที่มาของชื่อบ้านนามเมืองแถบปราสาทหินพิมายและสถานที่ในท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน
ท้าวปาจิต เป็นโอรสของพระเจ้าอุทุมราช กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองนครธม เมื่อเจริญวัยหนุ่มพระบิดาให้เลือกคู่ครอง โดยการให้ทหารไปประกาศเรียกสาวทั้งเมืองมาให้ท้าวปาจิตเลือก ทั้งลูกสาวเสนาอำมาตย์ ข้าราชการ พ่อค้า ชาวนา ชาวไร่ แต่ท้าวปาจิตไม่ได้คล้องพวงมาลัยให้สาวคนใด พระเจ้าอุทุมราชจึงได้ให้โหรทำนายเนื้อคู่ให้แก่พระโอรส เมื่อโหรหลวงตรวจดูดวงชะตาแล้วจึงกราบทูลว่าเนื้อคู่ของท้าวปาจิตยังไม่เกิด ขณะนี้อยู่ในครรภ์หญิงชาวนาผู้หนึ่งในอำเภอพิมาย ท้าวปาจิตยังไม่แน่ใจในคำทำนายจึงเดินทางไปหาหญิงผู้นั้น ซึ่งสังเกตได้ง่ายว่ามีครรภ์และมีเงากลดกั้นอยู่
ท้าวปาจิตไม่รอช้าเร่งออกเดินทางตามคำทำนายของโหร จนกระทั้งมาถึงเขตเมืองพิมาย จึงกางแผนที่ออกดู พื้นที่ตรงนั้นจึงเรียกว่าบ้านกางตำรา และเพี้ยนเป็นบ้านจารตำรา ท้าวปาจิตได้ข้ามถนนเข้าในเขตเมืองพิมาย บริเวณนั้นเรียกว่าบ้านถนน แล้วเดินทางมาตามทางจนถึงหมู่บ้านหนึ่งที่มีต้นสนุนมาก บริเวณนั้นจึงเรียกว่าบ้านสะนุ่น ปัจจุบันเรียกว่าบ้านท่าหลวง แต่ปรากฏว่าเดินผิดเส้นทางจึงเดินทางไปอีกเส้นทางหนึ่งถึงบ้านสำริต พบหญิงครรภ์แก่ชื่อยายบัวกำลังดำนาอยู่ เหนือหัวของนางบัวมีเงาเมฆคล้ายกลดกั้นอยู่ท้าวปาจิตก็แน่ใจว่าเป็นหญิงตามคำทำนาย จึงเข้าไปแนะนำตนเองพร้อมแจ้งจุดประสงค์ที่เดินทางมา และตั้งใจว่าจะอยู่ช่วยยายบัวดำนาจนกว่าจะคลอดลูก หากลูกคลอดเป็นชายจะยกย่องให้เป็นน้องชาย แต่ถ้าหากเป็นหญิงจะมาสู่ขอเป็นมเหสี ยายบัวก็ได้ตกลงตามที่แจ้ง
ท้าวปาจิตอาศัยอยู่กับยายบัวเรื่อยมาจนยายบัวครบกำหนดคลอด จึงตามหมอตำแยมาทำคลอด หมู่บ้านนั้นต่อมาจึงเรียกชื่อว่าบ้านตำแย ทางด้านยายบัวได้คลอดลูกออกมาเป็นหญิงตรงตามคำทำนายจึงให้ชื่อว่าอรพิม มีหน้าตางดงาม ผิวพรรณผ่องใสเป็นที่พอใจของท้าวปาจิต เมื่อเจริญวัยสาวก็ได้ผูกใจรักใคร่กับท้าวปาจิต วันหนึ่งท้าวปาจิตจึงบอกให้นางอรพิมทราบว่าตนจะกลับบ้านกลับเมืองเพื่อยกขันหมากจากนครธมมาสู่ขอนางอรพิม เพื่อไปอภิเษกสมรสที่นครธม แล้วก็ลานางไปเมื่อมาถึงนครธมท้าวปาจิตได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระเจ้าอุทุมราช พระเจ้าอุทุมราชจึงได้จัดขบวนขันหมาก มีรี้พลมากมาย ในขณะเดียวกันด้านเมืองพิมายได้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับนางอรพิม โดยพระเจ้าพรหมทัตผู้ครองเมืองพิมายได้ทราบถึงความงามของนางอรพิมจึงได้ให้พระยารามไปนำตัวนางอรพิมมาขังไว้ในพระราชวัง ด้านนางอรพิมขัดขืนไม่ได้จำต้องมาจึงได้ตั้งจิต อธิฐานว่าถ้าไม่ใช่ท้าวปาจิตแล้วผู้ใดแตะต้องกายนางของให้ร่างกายนางร้อนเหมือนไป พระเจ้าพรหมทัตจึงแตะต้องไม่ได้ นางจึงได้ทูลพระองค์ว่าจะรอให้พี่ชายนางมาก่อนจึงจะยินยอมเป็นมเหสี
ทางด้านขบวนขันหมากของท้าวปาจิต เดินทางมาหลายคืนหลายวันจนถึงลำน้ำแห่งหนึ่งจึงได้หยุดพักเพื่อให้ทหารและสัตว์พาหนะได้พัก ชาวบ้านเห็นผู้คนในขบวนมากมายจึงเข้ามาไต่ถาม
ทหารจึงได้ตอบว่าจะเดินทางไปบ้านสำริต เพราะพระโอรสของกษัตริย์จากเมืองขอมจะมาสู่ขอสาวบ้านนี้ ชื่อนางอรพิม ชาวบ้านจึงเล่าให้ฟังว่าพระเจ้าพรหมทัตได้นำตัวนางอรพิมไปไว้ในปราสาท
พระเจ้าอุทุมราชและท้าวปาจิตทราบเรื่องก็เสียพระทัยเป็นยิ่งนัก โดยเฉพาะท้าวปาจิตโกรธมากถึงกับโยนข้าวของเครื่องใช้ขันหมากทิ้งลงแม่น้ำหมด (ที่ตรงนั้นเรียกว่าลำมาศ) ไหลลงสู่ลำน้ำมูลจนทุกวันนี้ ส่วนรถทรง ก็ตีล้อดุมรถ และกงรถจนหักทำลายหมด ชาวบ้านนำมากองรวมกันไว้ในที่แห่งหนึ่ง (เรียกชื่อว่าบ้านกงรถ) จากนั้นท้าวปาจิตจึงเดินทางไปตามลำพัง พระเจ้าอุทุมราชและข้าทหารจึงเดินทางกลับนครธม
ท้าวปาจิตเดินทางไปพบยายบัวปลอบโยนนางรับปากว่าจะช่วยนางอรพิมออกมาให้ได้
ท้าวปาจิตปลอมเป็นชาย เมื่อนางอรพิมเห็นจึงเรียกว่า พี่มา กลายเป็นชื่อเมืองพิมายในปัจจุบัน หลังสังหารกษัตริย์พรหมทัต ทั้งสองต่างก็หลบหนีไปตามทาง ในระหว่างทางพบกับนายพรานคนหนึ่ง นายพรานลอบฆ่าท้าวปาจิตตาย นางอรพิมจึงฆ่านายพรานเสีย นางอรพิมได้รากไม้จากพระอินทร์มาจึงช่วยให้ท้าวปาจิตฟื้น เแล้วดินทางต่อจนมาพบสามเณรที่พานางอรพิมหลบหนีปาจิต นางจึงออกอุบายให้สามเณรขึ้นไปที่ต้นมะเดื่อแล้วเอาหนามสุมไฟ เณรตายไปกลายเป็นแมงหวี่ตอมผลมะเดื่อ
จากนั้นท้าวปาจิตจึงใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆจนคลี่คลายจนช่วยนางอรพิมได้ในที่สุด
(ที่มา นายใส คำชำนิ ปราชญ์ชาวบ้าน อดีตผู้ใหญ่บ้านกงรถ)
ต่อมาผู้คนได้พากันอพยพมาตั้งถิ่นที่อยู่ทำมาหากินในบริเวณที่ได้พบ “กงล้อ กงเกวียน” หรือ “กงรถ” จึงพากันขนานนามหมู่บ้านนี้ว่า “หมู่บ้านกงรถ” และตั้งเป็นชื่อของตำบลเนื่องจากหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่คนอพยพมาอยู่เป็นหมู่บ้านแรก คนส่วนใหญ่ในตำบลได้อพยพมาจากมหาสารคาม อุบลราชธานี นางรองและนครราชสีมา เข้ามาตั้งถิ่นที่อยู่ทำกินในบริเวณแหล่งน้ำ ลำห้วยตะเคียนลำห้วยกงรถและลำน้ำมาศ
ปัจจุบัน “กงรถ” ดังกล่าว ทางราชการได้เก็บรักษาไว้ และบ้านกงรถยังเป็นโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนในจังหวัดนครราชสีมา (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 53 หน้า 1530 วันที่ 27 กันยายน 2479)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น