วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

สุภาษิตสอนชาย

 


จะสาธก ยกชาย ให้คำสอน

ให้ดูดี มีธรรม ตามคำกลอน
จะว่าวอน สอนดู ให้รู้กัน
เกิดเป็นชาย ชาตรี ต้องมีศักดิ์
อย่าหลงรัก เริงโลก ให้โศกศัลย์
รู้ระวัง ยั้งคิด ชีวิตพลัน
อย่าหุนหัน พลันเล่น ไม่เป็นการ
เมื่อเป็นเด็ก เล็กอยู่ รู้ภาษา
ไม่ต้องว่า วอนสั่ง เรื่องสังขาร
พ่อแม่รัก อักโข คำโบราณ
ให้หลีกพาล พบปราชญ์ ฉลาดครัน
เมื่อเยาว์วัย ใจหาญ การศึกษา
วิริยา พาเพียร ไม่เหียนหัน
สู้อดทน จนยาก ลำบากครัน
ไม่ไหวหวั่น วิ่งถอย คอยชะตา
พ่อแม่สอน วอนสั่ง ไม่พลั้งพลาด
ชาญฉลาด เชื่อฟัง ไม่กังขา
เชื่อฟังครู รู้ดี ตามวิชา
ไม่เสียท่า ถ้อยชน หลงคนพาล
เมื่อวัยเรียน ไม่เพียร ซึ่งเพศรัก
จะเสียหลัก พักเรียน เพียรสถาน
ใจอาวรณ์ อ่อนเพลีย จะเสียการ
จะเสียงาน การเรียน ที่เพียรมา
รู้รักษา พาตน หาคนรู้
มาเป็นครู เป็นเพื่อน คอยเตือนหนา
คอยชี้นำ พร่ำสั่ง ให้ตั้งตา
หาวิชา พาตน เป็นคนดี
ไม่ติดยา เสพติด ชีวิตผง
นำให้หลง ลืมค่า หมดราศี
ร่างผอมแห้ง แรงน้อย ตามถ้อยที
ว่าเหมือนผี เดินดิน ก็สิ้นกัน
เกิดเป็นชาย ชาตรี ไม่หนีทหาร
พอถึงกาล หาญคิด ไม่ผิดผัน
จับฉลาก หากถูก ต้องผูกพัน
จิตสุขสันต์ เสริมให้ ชายชาตรี
เกิดเป็นชาย ได้เป็น เช่นทหาร
ไม่เสียการ เกิดมา พาศักดิ์ศรี
สมเป็นชาย ชาญชัย ปราบไพรี
ให้โลกนี้ นั้นสงบ พบสบาย
จบทหาร การเมือง สิ้นเรื่องรบ
ก็มาพบ บรรพชิต ทางคิดหน่าย
มาบวชจิต คิดสวด หรือบวชกาย
มาบวชให้ ห่มเหลือง สีเรืองรอง
บวชแทนคุณ บุญล้ำ ค่าน้ำนม
ให้เหมาะสม ศรีศักดิ์ คนรักสอง
คือพ่อแม่ แก่เฒ่า เข้าทำนอง
เห็นลูกครอง กาสาว์ น้ำตาพรู
เมื่อยามบวช สวดเก่ง เร่งทำกิจ
เป็นลูกศิษย์ สอนง่าย เงี่ยหงายหู
รู้จักจำ คำสั่ง เชื่อฟังครู
ไม่นอกรู้ ครูสอน แต่ก่อนกาล
บวชเป็นพระ ละกาม คามวสี
ยามสวดผี อจิรัง เรื่องสังขาร
รู้ปลงตก ยกจิต ขบคิดนาน
ไม่หลงกาล พาลชั่ว ให้มัวใจ
รู้ขบคิด พิจารณา โลกากว้าง
ต้องมาร้าง เรื่องรัก หักสงสัย
เห็นเกิดตาย หายหลง มาปลงใจ
รู้ภายใน แน่นอน มาสอนตน
ใช้เวลา พาเพียร เรียนธรรมะ
ลดเลิกละ พาหนุน บุญกุศล
สร้างกรรมดี มีครู สาธุชน
มั่นฝึกฝน ตนเอง ตามเพลงธรรม
ปฏิบัติ วัดวา ครูอาจารย์
ให้สถาน ที่อยู่ ดูงามขำ
เป็นระเบียบ เรียบร้อย ค่อยค่อยทำ
เป็นประจำ จัดกัน ทุกวันไป
บวชเป็นพระ สละ ซึ่งกิเลส
เหมาะกับเพศ บรรพชิต จิตสงสัย
รู้จักปลง ลงวาง เรื่องทางใน
ทำให้ใจ หมดจด จิตงดงาม
เร่งขยัน หมั่นเพียร เรียนศึกษา
อยู่วัดวา สนใจ หมั่นไต่ถาม
ให้เข้าใจ ไม่เหลือ บทเนื้อความ
ไม่ต้องถาม ต่อไป ให้ใจสบาย
ออกพรรษา พาสอง อย่าข้องขัด
อย่านั่งนัด นับวัน กันเช้าสาย
เพื่อสึกหา ลาเพศ ทุเรศกาย
จงจำไว้ ให้มั่น ว่าฉันเตือน
อย่าคิดหวัง คลั่งไคล้ สายสมร
อรชร เอวบาง นางเสมือน
จิตลังเล เหลียวแล ให้แชเชือน
เพราะไม่เตือน ตนเอง โฉงเฉงกัน
อย่าจับกลุ่ม ชุมนุม ให้กลุ้มกลัด
จะวิบัติ วัตรพระ เพราะกระสัน
คุยเรื่องราว ชาวบ้าน รำคาญครัน
ให้จิตหวั่น กันใหญ่ เพราะใจพา
ถ้าใจพิศ พาใจ หลงใหลสาว
ใจแตกร้าว รวนเร นอกเคหา
ประพฤติธรรม จำเจ เสียเวลา
เพราะเสียท่า พาใจ หลงใหลนาง
เมื่อสิ้นบุญ หนุนส่ง มาลงหมด
สละพรต พรหมจรรย์ มาหันหาง
เปลี่ยนวิถี ชีวิต มาปลิดทาง
สู่โลกกว้าง โลกีย์ เสียทีกัน
สละเพศ สมณะ ไปหาบ้าน
สู่สถาน ทุกข์เข็ญ ลำเข็ญขันธ์
ต้องดิ้นรน ทนสู้ คู่ชีวัน
ช่างทุกข์ขันธ์ ขื่นขม ระทมใจ
ไม่เสียที ที่เห็น เคยเป็นพระ
มีธรรมะ มาใช้ เตือนให้ไข
ให้ไขคิด ขบธรรม ประจำใจ
สมสมัย ใจพา สู้หากิน
จะทำงาน การใด สู้ไม่ถอย
จะไม่คอย โชคช่วย ด้วยทรัพย์สิน
ไม่นำพา วาสนา โชคราคิน
จะเดินดิน ดั้นด้น สู้จนตาย
จะบากบั่น สรรหา เวลาเหลือ
ทำงานเจือ จุนคูณ ไม่สูญหาย
ใช้เวลา ค้าขาย เช้าสายจ่าย
จัดสรรให้ ได้ทำ ประจำกาล
เห็นเวลา ค่ามี นาทีเพชร
งานสำเร็จ เสร็จสรรพ มาขับขาน
เหมือนได้เพชร เด็ดดึง น้ำหนึ่งนาน
บริหาร งานดี ที่เวลา
เมื่องานดี มีเงิน เป็นหมื่นแสน
เที่ยวดินแดน ได้งาม ตามยะถา
ใช้จ่ายใด ได้ประสงค์ จำนงมา
เพชรมีค่า ใครขาย ได้ดังใจ
วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ
ไม่เสียที ที่เรียน พากเพียรใหญ่
จดจำไว้ ได้ทำ กรรมใดใด
สู้ทนไหว ใจมั่น ไม่สั่นคลอน
ทุกข์เพราะจน ทนทุกข์ พ้นยุคภัย
หมดทุกข์ใจ ภัยจน เพราะคนสอน
ให้ขยัน มั่นเพียร อาเศียรธร
ยึดคำสอน สั่งฝาก ฝีปากครู
เมื่อมีทรัพย์ นับค่า มหาศาล
ไม่เที่ยวผลาญ ผิดถ้อย อร่อยหู
เห็นเนื้อหนัง มังสา ยอดพธู
ให้คิดดู ได้ความ อย่าตามใจ
รู้หักห้าม ความคิด ชีวิตหลง
รู้จักปลง หลงผิด คิดไถล
รู้ระวัง ตั้งเนื้อ อย่าเชื่อใคร
เดี๋ยวเจ็บใจ เจ็บอก เหมือนตกตาล
รู้แบ่งทรัพย์ สี่ส่วน ที่ควรแบ่ง
หนึ่งจัดแจง จ่ายหา ในสถาน
สองเก็บไว้ จ่ายสิ้น เพื่อกินนาน
เหลือสองฐาน ทำทุน อุดหนุนกัน
อีกคบมิตร คิดหา ใช่ว่าง่าย
เหลียวขวาซ้าย ชายดู เป็นคู่สรรค์
เป็นคู่สร้าง ทางดี เพิ่มชีวัน
ช่วยกันขัน ขบคิด ทางทิศเดียว
มีเพื่อนดี เพียงหนึ่ง แม้ถึงยาก
ดีกว่ามาก มิตรปลอก เที่ยวหลอกเหลียว
แม้มีเกลือ ก้อนหนึ่ง ถึงน้อยเทียว
ดีกว่าเคี่ยว น้ำเค็ม เต็มทะเล
อีกจ่ายทรัพย์ นับค่า กว่าหาได้
อย่าใช้จ่าย ง่ายหนัก จะหักเห
จะจ่ายการ ชาญฉลาด คาดคะเน
อนาคะเต ตั้งขาน คิดการไกล
อันชายดี มีทรัพย์ คนนับหน้า
หญิงสาวมา มุ่งมอง ต้องขานไข
มีเสน่ห์ มากแม้น ขุนแผนใด
จะอยู่ไหน ใครรัก สมัครกัน
ถึงตอนนี้ ทีท่า อย่าว่าขัด
รู้มองชัด ใช่หญิง เป็นจริงสรรค์
มองหาสาว เข้าท่า รู้จาบรรณ
รู้จักขัน ขบคิด ที่จิตใจ
ได้หญิงดี มีศักดิ์ ญาติรักถ้วน
เห็นสมควร คู่ครอง หมดหมองใส
รักกันจริง อิงให้ เป็นสายใย
หาสุขไหน ไม่ได้ ซื้อขายกัน
เลือกคู่สร้าง คู่สม ภิรมย์หมาย
อยู่กันได้ คลายทุกข์ ร่วมสุขสันต์
รักกลมเกลียว เกี่ยวข้อง ปรองดองกัน
ร่วมสร้างสรรค์ เสริมคิด ชีวิตครอง
สิ่งสำคัญ สรรคู่ ให้รู้หลัก
ต้องรู้จัก รักดี ไม่มีหมอง
ประเพณี ดีล้ำ เข้าทำนอง
ให้ถูกต้อง ขอลูก ทำถูกการ
ได้แต่งงาน ท่านชม ยามสมรส
ถูกตามบท แบบรัก เป็นหลักฐาน
ต่างอวยพร สอนสั่ง ให้ตั้งการณ์
ให้สำราญ สุขสันต์ ถึงวันตาย
เมื่อมีคู่ อยู่กัน ร่วมสรรค์คิด
เว้นทางผิด เพิ่มดี มีความหมาย
ช่วยกันขัน ขบคิด ให้จิตคลาย
ให้ทุกข์หาย หมดทุกข์ มาสุขแทน
ร่วมกันหา พาสร้าง ทางกุศล
จักพาตน ขนทรัพย์ นับหมื่นแสน
ผลบุญญา พากิน ทั่วดินแดน
ไม่ขาดแคลน หมื่นทรัพย์ เห็นกับตา
เมื่อมีคู่ รู้รัก ปักที่ใจ
ไม่ไปไหน นอกทาง ห่างเคหา
ไม่นอกจิต ผิดผัน ภรรยา
รักเอกา กมล ไม่สนใคร
รู้รักษา กาเม ไม่เฉทิศ
รักษาจิต ให้ดี เป็นนิสัย
ไม่ผิดลูก ผิดเมีย ให้เสียใจ
จะอยู่ไหน ใจผูก รักลูกเมีย
เมื่อมีลูก ปลูกนึก ทางศึกษา
วิริยา พาผัน ป้องกันเสีย
กันขี้เกียจ เสนียดตัว ให้นัวเนีย
มันจะเสีย สกูล ให้สูญการ
มั่นสอนลูก ปลูกรัก ให้มักคิด
หลีกทางผิด ทำดี วจีขาน
ตนถูกผิด คิดดู รู้วิจารณ์
ให้แตกฉาน เฉกเพื่อน ตักเตือนมาลย์
ต้นไม้ดี ดูดี ที่มีผล
ส่วนดีคน เข้าที ดีลูกหลาน
พ่อแม่ดี ดังเทียบ ที่เปรียบปาน
เพราะลูกหลาน เหลนดี มีศีลธรรม
เกิดเป็นชาย ชาตรี ทั้งทีหนา
อย่าเสียท่า อิตถี นารีขำ
นารีชั่ว มั่วตน คนระยำ
ผิดศีลธรรม กรรมชั่ว หมองมัวใจ
พึ่งตัวตน ค้นคิด ไม่ผิดหลัก
รู้จักรัก ภักดี ไม่หนีไหน
สร้างคุณ งาม ความดี มากมีไป
จะอยู่ไหน ใครด่า ไม่ว่าความ
ถือหลักคน ทนไว้ ให้ได้แน่
ตามกระแส ศาสน์ธรรม ตอบคำถาม
พุทธองค์ ทรงตรัส ฝึกหัดความ
ให้ทั้งสาม สดใส ไตรทวาร
ที่สอนมา ว่าหมด ของบทสอน
แต่งเป็นกลอน สอนเสก เอกสาร
เพื่อมนต์ขลัง ตั้งไว้ อยู่ได้นาน
ให้ลูกหลาน หลังเกิด เปิดอ่านดู
มรดก ตกทอด ที่สอดแทรก
ธรรมจำแนก นั้นเลิศ ให้เปิดหู
ทั้งเปิดใจ เปิดตา ว่าตามครู
สัพพัญญู รู้ธรรม พระสัมมา
ใช่บรรเลง เพลงธรรม ประจำโลก
คลายทุกข์โศก สุขงาม ตามภาษา
เมื่อทุกท่าน อ่านแล้ว นะแก้วตา
จงช่วยมา พาคิด พินิจจารณ์
ที่สอนมา ว่าหมด ทุกบทคิด
สุภาษิต สอดรับ บทขับขาน
เป็นทำนอง ของธรรม ประจำกาล
ไม่ดักดาน ดีเลิศ ประเสริฐบรรณ
ทั้งสอนหญิง หรือชาย ให้ได้คิด
เพื่อชีวิต คิดแล มาแปรผัน
มาประพฤติ นึกคิด จิตสุขพลัน
ให้อยู่กัน ก่อเกิด ประเสริฐใจ
ถ้าสอนมาก ยากนาน รำคาญจิต
มากลิขิต ขีดขาน อ่านไม่ไหว
พอบรรเลง เพลงธรรม ประจำใจ
สรุปใน เนื้อกลอน มาสอนกัน
ถึงนิดหน่อย ร้อยกรอง เป็นของฝาก
แต่มาจาก จิตใจ ที่ใฝ่ฝัน
เคยเขียนไว้ หลายวรรค ว่าสักวัน
จะแต่งสรรค์ เสริมกลอน มาสอนใจ
ขอจบลง คงไว้ นะชายหญิง
ด้วยใจจริง จากจิต พิสมัย
ไม่เลือกชั้น วรรณะ ว่าใครใคร
อยู่มุมไหน ในโลก หมดโศกเอย.

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ตำนานเอื้องผึ้งจันผา โศกนาฏกรรมรักอีกหนึ่งบท แห่งเมืองล้านนา



เอื้องผึ้ง จันผา โศกนาฏกรรมรักอีกหนึ่งบท แห่งเมืองล้านนา


มีเพลงอีกหนึ่งเพลงของ อ.จรัล มโนเพ็ชร 
การทำดนตรี และการเรียบเรียงเสียงประสาน ที่นำเอาสะล้อ ซอ ซึง 
มาผสมผสานกับดนตรียุคใหม่ เป็นอะไรที่ "เพอร์เฟ็ค" และลงตัวมากเพลงหนึ่ง
เป็นเพลงประกอบละครเรื่อง "เมื่อดอกรักบาน" 
ซึ่งออกอากาศตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. 2550 ทางช่อง 3

งามเลอล้ำเป็นที่หนึ่ง
อ่อนหวานปานน้ำผึ้ง เจ้าเอยเอื้องผึ้งสาวดอย
หนุ่มจันทร์ผาเจ้าเฝ้าคอย
จะเคียงผูกพัน สัญญารักมั่นและซื่อตรง
 
จวบวันสองคนวิวาห์
จันทร์ผาปีนขึ้นดอย หวังใจจะสอยดอกไม้ดม
แต่มือไม้ไม่มั่นคง ตกลงมาสิ้นใจ
เอื้องผึ้งร่ำไห้วิ่งกระโจน พุ่งชนชะเง่อหิน
สิ้นใจตายตามจันทร์ผา

เอื้องเอย คนขานนามเอื้องผึ้ง กลีบเหลืองปานน้ำผึ้ง
หอมตรึงต้องใจภุมรา
จันทร์ผาเอ๋ยงามสง่า ต้นใบสะดุดตา
ขึ้นเคียงคู่กัน นิรันดร์เอย.

กลีบดอกบางเบาราวปุยนุ่น
สีละมุนชวนมองต้องแลหา
ดอกผักบุ้งเอ๋ยไฉนเลยไม่โรยรา
ยังสดสวยไม่ส่างซาน่ายลจริง

***
เอื้องผึ้ง จันผา แท้จริงแล้วคือ กล้วยไม้ตระกูล "เอื้อง" 
ซึ่งมีความเป็นมาจากตำนานซึ่งเล่าสืบต่อกันมา ในหลากหลายพื้นที่ 
ซึ่งไม่เหมือนกัน แต่ก็ใกล้เคียงกัน


เอื้อง...เป็นคำเรียก กล้วยไม้ 
ซึ่งหลายชนิดจะมีสีเหลือง เช่น เอิ้องคำ เอื้องผึ้ง เอิ้องคำปอน 
สีขาวปากเหลือง เช่น เอิ้องมอนไข่เอื้องมัจฉานุ สีแสด เช่น เอื้องสายสีแสด

เอื้องผึ้งเป็นกล้วยไม้ในสกุลหวายเอื้องผึ้ง
มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Dendrobium lindleyi Steud. 
ลักษณะต้นเป็นลำรูปรี แบนเล็กน้อย มีสันและร่องตามยาว ผิวแห้ง สีเขียวเข้ม 
มักขึ้นเป็นกระจุกแน่น ส่วนใบนั้นแต่ละต้นจะมี 1 ใบที่ยอด 
ใบเป็นรูปรี แผ่นใบหนาและแข็ง ปลายใบแหลมมน หรือหยักเว้าตื้นๆ 
ต้นเตี้ยแตกเป็นกอแน่น ลำลูกกล้วยรูปกระสวย อ้วนนั้นเป็นร่องโดยรอบ 
ใบ เป็นใบเดี่ยวรูแถบยาว 5-6 เซนติเมตร
แผ่นใบหนาและแข็ง ช่อดอกสีเหลืองทอง เป็นช่อโค้งยาวประมาณ 20 เซนติเมตร 
ออกดอกดกรอบก้านช่อ กลีบดอกสีเหลืองทอง ปากกลมกว้างสีเหลืองอมส้ม 
เมื่อดอกบานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 เซนติเมตร ดอกมีกลิ่นหอม 
โดยดอกจะบานพร้อมๆกันหลายกอ  ออกดอกในช่วงฤดูร้อน ราวเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม 
ขยายพันธุ์โดยแยกลำลูกกล้วยไปปลูก ชอบอยู่ตามคาคบไม้ในที่โล่ง
และมีความชื้นเพียงพอ จัดเป็นกล้วยไม้ที่มีกลิ่นหอม 

เรื่องราวตำนานของ สาวเอื้องผึ้ง และ หนุ่มจันผา 
พบเจอเพียง 2 ตำนานที่ ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก 
โดยตำนานหนึ่ง ได้กล่าวถึง เจ้าเอื้องผึ้งซึ่งเป็นคู่รักกับเจ้าจันทน์ผา 
จำใจต้องแต่งงานกับเจ้าจ๋วง เจ้าเอื้องผึ้งเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก
จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดจากหน้าผา 
เจ้าจันทน์ผาตามมาพบว่าเจ้าเอื้องผึ้งได้กระโดดหน้าผาไป
แล้วจึงกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตามคนรักตกไปอยู่ใกล้กัน
และเจ้าจ๋วงได้เห็นหญิงที่ตนรักกระโดดหน้าผาไปจึงรู้สึกเสียใจ
และตัดสินใจกระโดดหน้าผาตามลงไปด้วยแต่กระเด็นห่างออกไป 
ด้วยความรักแท้ระหว่างเจ้าเอื้องผึ้งและเจ้าจันท์ผา 
ในชาติต่อมาเจ้าเอื้องผึ้งจึงเกิดเป็นดอกกล้วยไม้เกาะอยู่ใต้ต้นจันทน์ผา   
และเจ้าจ๋วงก็เกิดเป็นต้นสน ณ จุดที่ตกไปนั้นเอง 
( “จ๋วง” เป็นภาษาเหนือแปลว่าต้นสน “เอื้องผึ้ง” แปลว่ากล้วยไม้) 
หน้าผาแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “ผาชู้” นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ส่วนอีกตำนานหนึ่งซึ่งเป็นต้นแบบแห่งการเขียนเพลง 
เอื้องผึ้ง จันผา ของอ.จรัล ได้มีผู้เล่าต่อกันมาว่า
แต่เดิมเอื้องผึ้งและจันทร์ผานั้น เป็นคู่รักกัน 
ทั้งสองให้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป ไม่พรากจากกัน 
ถ้าหากแม้นคนหนึ่งตายไป อีกคนหนึ่งก็ไม่ขออยู่ต่อ 
และแล้วโศกนาฏกรรมก็มาถึง 
หนุ่มจันทร์ผา พาสาวเอื้องผึ้งไปเที่ยวที่ดอย เขาเห็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง 
มีกลิ่นหอม งอกอยู่ที่ต้นไม้ริมผา จึงคิดจะเก็บมาให้สาวเอื้องผึ้ง 
คนรักของตน จึงปีนไปเก็บดอกไม้ชนิดนั้นมา แม้เอื้องผึ้งจะห้าม
แต่จันทร์ผาก็ยังพยายามจะไปเด็ดดอกไม้มาให้ได้
และแล้วในที่สุดสิ่งที่เอื้องผึ้งกลัวก็เป็นความจริง จันทร์ผาพลาด ตกลงไปในเหว 
เลือดไหลนอง คอหัก ตายสนิท เอื้องผึ้งร่ำไห้ หัวใจแตกสลาย 
จึงวิ่งเอาหัวชนกับแง่หินที่หน้าผา ตายตามจันทร์ผา 
เหมือนที่เคยให้สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป ดอกไม้ที่จันทร์ผาพยายามจะเก็บนั้น 
ต่อมาคนให้ชื่อว่า ดอกเอื้องผึ้ง ส่วนที่ๆจันทร์ผาตกลงไปตาย 
ก็มีต้นไม้ชนิดหนึ่งงอกขึ้นมา ผู้คนกล่าวขานเรียกว่า 
ต้นจันทร์ผาเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ความรักที่ยั่งยืนของคนทั้งคู่ตลอดไป

.




 

เนื้อเพลง