วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

นิราศอิเหนา นิราศเรื่องที่ ๖ ของสุนทรภู่

 อิเหนา หรือดาหลัง เป็นบทพระราชนิพนธ์และบทพระนิพนธ์ของเจ้านายหลายพระองค์ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ที่มีชื่อเสียงในกระบวนบทละครรำเป็นที่สุด คือบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เนื้อความเกี่ยวกับวงศ์กษัตริย์ชวา ชื่อวงศ์อสัญแดหวา ผู้สืบเชื้อสายมาจากประตาระกาหลา ที่ถือกันว่าเป็นเทพเจ้าสูงสุด เปรียบได้กับเง็กเซียนฮ่องเต้อย่างไรอย่างนั้น อิเหนาเป็นชื่อที่เราเรียกตัวเอกของเรื่อง คือระเด่นมนตรี ผู้เป็นเจ้าชายแห่งเมืองกุเรปัน เมื่อยังเด็กได้หมั้นหมายไว้กับระเด่นบุษบา เจ้าหญิงเมืองดาหา เมื่ออิเหนาเติบโตเป็นหนุ่ม ต้องไปราชกิจต่างเมือง และได้พบกับนางจินตหรา ธิดาของเจ้าระตูบ้านนอก จนได้นางเป็นชายา ความทราบถึงเมืองดาหา ท้าวดาหาโกรธนัก จึงยกนางบุษบาให้แก่ระตูจรกา ผู้รูปชั่วตัวดำแต่มีใจมั่นคงสัตย์ซื่อ ครั้นมาภายหลัง อิเหนาได้พบกับบุษบา และเกิดหลงรักนางจนสุดชีวิตจิตใจ นึกเสียดายที่ตนต้องเสียคู่หมั้นแสนสวยให้แก่ระตูรูปชั่ว อิเหนาจึงลักพาตัวนางบุษบามาไว้ยังถ้ำทอง


นิราศเรื่องนี้ ท่านสุนทรภู่จับความจากตอนที่อิเหนากลับจากไปแก้สงสัยที่เมืองดาหา แล้วกลับมาก็พบว่า บุษบาถูกลมพาย ุหอบพัดเอาตัวนางหายไปจากถ้ำทองเสียแล้ว อิเหนาจึงยกทัพออกติดตาม ระหว่างทางก็รำพันคร่ำครวญถึงนางผู้เป็นที่รักอยู่มิได้ขาด อิเหนาเดินทางติดตามอยู่เป็นเวลาถึงเจ็ดเดือน ก็ยังไม่พบ เนื้อเรื่องจบลงที่อิเหนาและไพร่พลออกบวช เพื่อส่งกุศลให้บุษบาที่อิเหนาคิดว่าคงตายไปแล้ว

ไม่ปรากฏว่าท่านสุนทรภู่แต่งนิราศเรื่องนี้ไว้เมื่อใด แต่คงจะแต่งถวายเจ้านายพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเป็นแน่ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานจากสำนวนกลอนว่า สุนทรภู่น่าจะแต่งเรื่องนี้ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ถวายพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ เมื่อครั้งสุนทรภู่ได้อาศัยพึ่งพระบารมีอยู่

 นิราศร้างห่างเหเสน่หา
 ปางอิเหนาเศร้าสุดถึงบุษบาพระพายพาพัดน้องเที่ยวล่องลอย
 ตะลึงเหลียวเปลี่ยวเปล่าให้เหงาหงิมสุชลปริ่มเปี่ยมเหยาะเผาะเผาะผอย
 โอ้เย็นค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อยน้องจะลอยลมบนไปหนใด
 หรือเทวัญชั้นฟ้ามาพาน้องไปไว้ห้องช่องสวรรค์ที่ชั้นไหน
 แม้นน้องน้อยลอยถึงชั้นตรึงส์ตรัยสหัสนัยน์จะช่วยรับประคับประคอง
 หรือไปปะพระอาทิตย์พิศวาสไปร่วมอาสน์เวชยันต์ผันผยอง
 หรือเมขลาพาชวนนวลละอองเที่ยวลอยล่องเลียบฟ้าชมสาคร
 หรือไปริมหิมพานต์ชานไกรลาสบริเวณเมรุมาศราชสิงขร
 หรือจะออกนอกเหมินท์อิสินธรเที่ยวลอยร่อนรอบฟ้านภาลัย
 โอ้ลมแดงแสงแดดจะแผดส่องจะมัวหมองมิ่งขวัญจะหวั่นไหว
 จะดั้นหมอกออกเมฆวิเวกใจนี่เวรใดเด็ดสวาทให้คลาดคลาฯ
 
พระผันแปรแลรอบขอบทวีปเห็นแต่กลีบเมฆเคลื่อนเกลื่อนเวหา
 จะแลดูสุริยนก็สนธยาจะดูฟ้าฟ้าคล้ำให้รำจวน
 ฝืนวิโยคโศกเศร้าเข้าในห้องเห็นแท่นทองที่ประทมภิรมย์สงวน
 ไม่เห็นนุชสุดจะทรงพระองค์ซวนละห้อยหวนหิวโหยด้วยโรยแรง
 ยลยี่ภู่ปูเปล่าเศร้าสลดระทวยทดทอดทบซบกันแสง
 โอ้สุดแสนแค้นอารมณ์ด้วยลมแดงดูเหมือนแกล้งพัดไปให้ไกลทรวง
 เสียดายเอ๋ยเคยแอบแนบสนิทถึงชีวิตวอดวายไม่หายห่วง
 โอ้น้องนุชบุษบาสุดาดวงพี่เปล่าทรวงทรวงดังจะพังโทรมฯ
 
โอ้โพล้เพล้เวลาปานฉะนี้เคยเข้าที่พี่เคยได้เชยโฉม
 เห็นแต่ห้องน้องน้อยลอยโพยมยามประโลมมิรู้ลืมเจ้าปลื้มใจ
 โอ้เขนยเคยหนุนยังอุ่นอ่อนแต่น้องน้อยลอยร่อนไปนอนไหน
 ยี่ภู่เอ๋ยเคยชิดสนิทในวันนี้ไกลกลอยสวาทอนาถนอน
 โอ้รินรินกลิ่นนวลยังหวนหอมเคยถนอมแนบทรวงดวงสมร
 ยังรื่นรื่นชื่นใจอาลัยวอนสะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์ระทมทวี
 จนฆ้องค่ำย่ำหึ่งหึ่งกระหึมยิ่งเศร้าซึมโศกาถึงยาหยี
 โอ้ยามอยู่คูหาเวลานี้เคยพาทีทอดประทับไว้กับทรวงฯ
 
โอ้อกเอ๋ยเคยอุ่นละมุนละม่อมเคยโอบอ้อมอ่อนตามไม่ห้ามหวง
 ยังเคลิ้มเคล้นเช่นปทุมกระพุ่มพวงเคยแนบทรวงไสยาสน์ไม่คลาดคลาย
 จนเคลิ้มองค์หลงเชยเขนยหนุนถนอมอุ่นแอบประโลมว่าโฉมฉาย
 ครั้นรู้สึกดึกดื่นสะอื้นอายแสนเสียดายสุดจะดิ้นสิ้นชีวัน
 เห็นสิ่งของน้องนุชยิ่งสุดเศร้าพระทัยเฝ้าเคลิ้มไคล้ดังใฝ่ฝัน
 ยิ่งรำลึกตรึกตรายิ่งจาบัลย์สุดจะกลั้นรีบออกนอกบรรพตฯ
 
พินิจจันทร์วันเพ็งขึ้นเปล่งแสงกระจ่างแจ้งแจ่มวงทั้งทรงกลด
 สี่พี่เลี้ยงเคียงพร้อมน้อมประณตพระเลี้ยวลดแลแสวงดูแสงเดือน
 ดูเก๋งก่อต่อเตาเห็นเงาคล้ายเขม้นหมายมุ่งไปก็ไม่เหมือน
 เห็นเงาไม้ไหวหวั่นให้ฟั่นเฟือนจนเดือนเคลื่อนคล้อยฟ้าให้อาวรณ์
 เห็นสระศรีที่เคยมาประพาสระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน
 ลมรำเพยเชยชายกระจายจรหอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นโรยฯ
 
โอ้รินรินกลิ่นบุหงาสะตาหมันเหมือนกลิ่นจันทน์เจือนวลให้หวนโหย
 หอมยี่หุบสุกรมดอกยมโดยพระพายโชยเฉื่อยชื่นยืนตะลึง
 โอ้ที่นี่ศีลาเคยมานั่งเห็นบัลลังก์แล้วยิ่งนึกรำลึกถึง
 ดูเงื้อมเขาเงาไม้พระไทรซึ้งเสียงหึ่งหึ่งผึ้งรวงเฝ้าหวงรัง
 จังหรีดหริ่งกิ่งไทรเรไรร้องแว่วว่าน้องนึกเสียวพระเหลียวหลัง
 เห็นน้ำพุดุดั้นตรงบัลลังก์เคยมานั่งสรงชลที่บนเตียง
 เจ้าสรงด้วยช่วยพี่สีขนองแต่น้ำต้องถูกนิดก็หวีดเสียง
 โอ้รื่นรื่นชื่นเชยที่เคยเคียงพระทรวงเพียงเผ่าร้อนถอนฤทัย
 ทุกเงื้อมเขาเหงาเงียบเซียบสงัดใบไม้กวัดแกว่งกิ่งประวิงไหว
 ยะเยือกเย็นเส้นหญ้าพนาลัยยิ่งเยือกในทรวงช้ำระยำเย็น
 เที่ยวรอบสระปทุมาสะตาหมันเคยเห็นขวัญเนตรที่ไหนก็ไม่เห็น
 ชลนัยน์ไหลซกตกกระเซ็นยิ่งเยือกเย็นหยุดยืนกลืนน้ำตา
 จนดึกดื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบตะลึงเหลียวเสียวซาบอาบนาสา
 เหมือนปรางทองน้องนุชบุษบาหรือกลับมายืนแฝงอยู่แห่งใด
 เที่ยวดูดาวเปล่าเปลี่ยวเสียวสะดุ้งจนจวนรุ่งรางรางสว่างไสว
 หนาวน้ำค้างพร่างพรมพนมไพรดวงดอกไม้บานแบ่งรับแสงทอง
 หอมมณฑาสารภีดอกยี่หุบบ้างร่วงหรุบถูกอุระพระขนอง
 ภุมรินบินว่อนมาร่อนร้องอาบละอองเกสรขจรจายฯ
 
จนแจ่มแจ้งแสงสว่างนภางค์พื้นถอนสะอื้นอาลัยพระทัยหาย
 ดูเวหาว่าแสนแค้นพระพายไม่พาสายสวาทคืนมาชื่นใจ
 จำจะตามทรามชมทางลมพัดเผื่อจะพลัดตกลงที่ตรงไหน
 ดำริพลางทางสะท้อนถอนฤทัยให้เตรียมพลสกลไกรจะไคลคลา
 จึงแปลงนามตามกันเป็นปันจุเหร็จจะเที่ยวเตร็ดเตร่ในไพรพฤกษา
 พลางอุ้มองค์ยาหยีวิยะดาขึ้นรถแก้วแววฟ้าแล้วพาไปฯ
 
พระเหลียวดูภูผาสะตาหมันที่สำคัญคูหาเคยอาศัย
 จะแลลับนับปีแต่นี้ไปจะมิได้มาเห็นเหมือนเช่นเคย
 เสียแรงแต่งแปลงสร้างจะร้างเริดค่อยอยู่เถิดแผ่นผาคูหาเอ๋ย
 โอ้มิ่งไม้ไพรพนมเคยชมเชยจะแลเลยลับแล้วทุกแนวเนินฯ
 
โอ้นกเอ๋ยเคยพากันมาจับจะแลลับฝูงนกระหกระเหิน
 โอ้เขาสูงฝูงหงส์เคยลงเดินเคยเพลิดเพลินพิศวงด้วยหงส์ทอง
 จะเริดร้างห่างหงส์ไปดงอื่นทุกวันคืนค่ำเช้าจะเศร้าหมอง
 โอ้ก้านกิ่งมิ่งไม้เรไรร้องประสานซ้องเสียงดังดูวังเวง
 ได้เคยฟังครั้งนี้มาวิบากต้องพลัดพรากเพราะว่าลมทำข่มเหง
 แม้นพบเห็นเป็นตัวไม่กลัวเกรงจะรำเพลงกริชผลาญสังหารลม
 นี่จนใจไม่เห็นด้วยเป็นเคราะห์มาจำเพาะพลัดคู่เคยสู่สม
 ยิ่งสุดแสนแค้นขัดอัดอารมณ์จะแลชมอื่นอื่นไม่ชื่นใจ
 แต่จำเป็นเกนหลงมาดงด้วยต้องชี้ช่วยชมผาพฤกษาไสว
 กรดกระถินอินจันพรรณไม้มีดอกใบก้านกิ่งขึ้นพริ้งเพรียว
 บ้างแก่อ่อนซ้อนซับสลับสล้างบ้างสดสร่างสีชุ่มชอุ่มเขียว
 ที่ตายตอหน่อหนุนขึ้นรุ่นเรียวเถาวัลย์เกี่ยวกอดกิ่งเหมือนชิงช้าฯ
 
พระชวนพลอดกอดน้องประคองอุ้มให้ชมเพลินเดินมะงุมมะงาหรา
 ป่าประเทศเขตแคว้นแดนชวาอินทะผาลัมชุมสลุมพัน
 โกฐสดำจำปาดะดงองุ่นสหัสคุณขึ้นระคนปนปาหนัน
 สลาสล้างนางแย้มเข้าแกมกันหญ้าฝรั่นฝรั่งเรียงขึ้นเคียงดง
 โกฐกระวานกานพลูดูระบัดกำจายกำจัดสารพันต้นตันหยง
 หอมระรื่นชื่นใจที่ในดงพฤกษาทรงเสาวคนธ์ดังปนปรุง
 ที่พื้นปราบราบรายล้วนทรายอ่อนเข้าดงดอนเลียบเดินเนินกุหนุง
 เทียนยี่หร่าป่าฝิ่นส่งกลิ่นฟุ้งสมส้มกุ้งโกฐจุฬาการบูรฯ
 
คิดถึงนุชบุษบานิจจาเอ๋ยมิได้เชยชมสบายมาหายสูญ
 ยิ่งโศกเสียวเหลียวหาให้อาดูรยิ่งเพิ่มพูนพิศวงในดงแดน
 ดูเล็บนางนึกถึงนางเหมือนอย่างเล็บเคยข่วนเจ็บรอยมีอยู่ที่แขน
 เห็นนมนางกลางพนมนึกชมแทนละม้ายแม้นเหมือนเหมือนจะเยื้อนยิ้ม
 มะปรางต้นผลอย่างพระปรางน้องน้ำเนตรคลองคลอคล้อยย้อยหยิมหยิม
 ฝืนอารมณ์ชมพลับต้นทับทิมขึ้นรอบริมหว่างเขาลำเนาเนินฯ
 
พนมมาศลาดเลี่ยนเตียนตลิบบ้างสูงลิบลอยแหงนเป็นแผ่นเผิน
 บ้างทะมึนทึนเทิ่งเป็นเชิงเทินเป็นกรอกเกริ่นโกรกกรวยลำห้วยธาร
 เสียงสินธุดุดั้นลั่นพิลึกสะท้านสะทึกโถมฟาดฉาดฉาดฉาน
 ที่น้ำโจนโผนพังดังสะท้านบ้างพุซ่านสาดสายสุหร่ายริน
 คะนึงถึงนุชบุษบาแม้นมาเห็นจะลงเล่นลำธารละหานหิน
 ฝูงปลาทองท่องไล่เล็มไคลกินกระดิกดิ้นดูงามตามกระบวน
 ปลาเนื้ออ่อนอ่อนกายขึ้นว่ายเกลื่อนไม่อ่อนเหมือนเนื้อน้องประคองสงวน
 ปลานวลจันทร์นั้นก็งามแต่นามนวลไม่งามชวนชื่นเช่นระเด่นดวง
 พลางรีบทัพขับรถกำหนดแสวงทุกหล้าแหล่งลำเนาภูเขาหลวง
 ไม่ประสบพบเห็นให้เย็นทรวงให้เหงาง่วงเงียบเหงาเศร้าพระทัย
 ถึงพลมากจากมิตรแต่จิตเปลี่ยวเหมือนมาเดียวดั่งจะพาน้ำตาไหล
 เห็นนกหกผกโผนโจนจับไม้บ้างฟุบไซ้ปีกหางต่างต่างกัน
 นกกระตั้วคลัวเคลียตัวเมียป้อนเหมือนขวัญอ่อนแอบประทับพี่รับขวัญ
 ป้อนสลาพาชื่นทุกคืนวันมาจากกันกรรมเอ๋ยไม่เคยเป็น
 เห็นนกเปล้าเคล้าคู่เข้าชูชื่นถอนสะอื้นเหมือนไม่พอใจเห็น
 พอเวลาสายัณห์ตะวันเย็นนกยูงเล่นลมเพลินบนเนินเตียน
 บ้างเยื้องอกหกหางก้อกางปีกแฉลกฉลีกเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
 บ้างย่างย่องจ้องประจงที่วงเวียนออกกลางเตียนตีนขวิดดูกรีดกรายฯ
 
คิดถึงไปใช้บนได้ยลสมรเมื่อทอดกรฟ้อนรำระบำถวาย
 โอ้อาภัพลับนุชสุดเสียดายสะอื้นอายมยุราให้อาวรณ์
 เห็นเขาเขียวเดี่ยวโดดล้วนโสดสูงแต่ล้วนฝูงหงส์จับสลับสลอน
 หงส์ก็งามตามอย่างเพราะหางงอนเป็นคู่ป้อนปกปิดกันชิดชม
 อรหันนั้นหน้าเหมือนมนุษย์ปีกเหมือนครุฑครีบเท้ามีเผ้าผม
 พวกม่าเหมี่ยวเที่ยวเดินเนินพนมลูกเล็กล้มลากจูงเหมือนฝูงคน
 เหล่าละเมาะเงาะป่าคุลาอยู่เที่ยวกินปูเปี้ยวป่าผลาผล
 สิงโตตื่นยืนหยัดสะบัดตนเห็นผู้คนโผนข้ามลำเนาเนิน
 ฝูงมฤคถึกเถื่อนเที่ยวเกลื่อนกลุ้มเป็นคู่คุมเคียงนางไม่ห่างเหิน
 เห็นกวางทองย่องเยื้องชำเลืองเดินเหมือนน้องเชิญพานผ้าประหม่าเมียง
 พี่เข้าด้วยช่วยประคองพระน้องนุชสงสารสุดสุดสวาทไม่อาจเถียง
 โอ้ยามนี้มิได้น้องประคองเคียงพี่ก็เสี่ยงบุญตามเจ้าทรามเชย
 เป็นกุศลหนหลังเราทั้งสองคงได้น้องคืนมาเรียงเคียงเขนย
 แม้นกรรมหนุนบุญน้อยจะลอยเลยมิได้เชยบุษบาพะงางอนฯ
 
พระครวญคร่ำร่ำไรมาในรถโศกกำสรดแสนเสียดายสายสมร
 พอเวลาสายัณห์ตะวันรอนปักษาร่อนรีบกลับมาจับรัง
 โอ้นกเอ๋ยเคยอยู่มาสู่ถิ่นแต่ยุพินลิบลับไม่กลับหลัง
 ครั้นแลดูสุริย์แสงก็แดงดังหนึ่งน้ำครั่งคล้ำฟ้านภาลัย
 เหมือนครั้งนี้พี่มาโศกแสนเทวษชลเนตรแดงเดือดดังเลือดไหล
 โอ้ตะวันครั้นจะลบภพไตรก็อาลัยโลกยังหยุดรั้งรอ
 ประหลาดนักรักเอ๋ยมาเลยลับเหมือนเพลิงดับเด็ดเดี่ยวไปเจียวหนอ
 ชลนัยน์ไหลหลั่งลงคลั่งคลอยิ่งเย็นย่อเสียวทรวงให้ร่วงโรย
 ชะนีน้อยห้อยไม้เรไรร้องเสียงแซ่ซ้องเริ่มรัวเรียกผัวโหวย
 เหมือนอกพี่ที่ถวิลให้ดิ้นโดยละห้อยโหยหานางมากลางไพรฯ
 
พระสุริยงลงลับพยับค่ำถึงแนวน้ำเนินผาพฤกษาไสว
 หยุดสำนักพักพลสกลไกรพระเนาในรถทองกับน้องยา
 ถนอมแนบแอบองค์หลงหนึ่งหรัดให้บรรทมโสมนัสในรัถา
 ต้องจากวังครั้งนี้เพราะพี่พาพระน้องมาอ้างว้างวังเวงใจ
 นอนเถิดหนายาหยีพี่จะกล่อมงามละม่อมมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว
 คิรีรอบขอบเคียงเหมือนเวียงชัยอยู่ร่มไม้เหมือนปราสาทราชวัง
 เคยสำเนียงเสียงนางสุรางค์เห่มาฟังเรไรแซ่เหมือนแตรสังข์
 เคยมีวิสูตรรูดกั้นบนบัลลังก์มากำบังใบไม้ในไพรวัน
 หนาวน้ำค้างกลางคืนสะอื้นอ้อนจะกางกรกอดน้องประคองขวัญ
 เอาดวงดาราระยับกับพระจันทร์ต่างช่อชั้นชวาลาระย้าย้อย
 จักจั่นหวั่นแว่วแจ้วแจ้วเสียงต่างสำเนียงขับครวญหวนละห้อย
 พระพายเอ๋ยเชยมาต้องพระน้องน้อยเหมือนนางคอยหมอบกรานอยู่งานพัด
 โอ้เวลาปานฉะนี้เจ้าพี่เอ๋ยกระไรเลยแลเงียบเชียบสงัด
 น้ำค้างเผาะเหยาะเย็นกระเซ็นซัดดึกสงัดดวงจิตจงนิทรา
 พระขวัญเอ๋ยเคยนอนอย่าร่อนเร่ไปว้าเหว่หว่างไม้ไพรพฤกษา
 ขวัญมาอยู่สู่ที่พระพี่ยาพระมารดาบิตุเรศนิเวศน์เวียง
 พระขวัญเอ๋ยเคยแอบแนบถนอมมาฟังกล่อมกลอนเพราะเสนาะเสียง
 โอ้แรมล่วงดวงเดือนก็เลื่อนเอียงพี่พิศเพียงพักตร์แฝงพลิกแพลงบัง
 บุษบายาหยีเจ้าพี่เอ๋ยช่างลอยเลยลิบลับไม่กลับหลัง
 เมื่ออุ้มออกนอกเขตนิเวศน์วังพระน้องนั่งรถทรงที่ตรงริม
 พี่หยอกเย้าเซ้าซี้มีแต่โกรธสะอื้นโอษฐ์โอษฐ์เอี่ยมเสงี่ยมหงิม
 อยู่ใกล้เคียงเพี้ยงเอ๋ยได้เชยชิมถนอมนิ่มเนื้อน่วมร่วมฤทัย
 พระครวญคร่ำรำลึกจนดึกเงียบเย็นระเยียบหย่อมหญ้าพฤกษาไสว
 สงบเสียงสิงสัตว์สงัดไพรทุกกอกิ่งมิ่งไม้พระไทรครึ้ม
 สุมามาลย์บานกลิ่นระรินรื่นในเที่ยงคืนเสียงแต่ผึ้งหึ่งระหึม
 ผีพระไทรไม้พุ่มงุมงุมงึมโขมดพึมผิวกู่หวิวหวู่โวย
 เหล่ามารยาป่าโป่งเที่ยวโทงเถื่อนตะโกนเพื่อนเพิกเสียงสำเนียงโหย
 น้ำค้างพรมลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยโชยยิ่งดิ้นโดยเดือนดับไม่หลับเลย
 จนทรวงเจ็บเหน็บแน่นแหงนดูฟ้าองค์ประตาระกาหลาเจ้าข้าเอ๋ย
 พระน้องนุชบุษบาเจ้าข้าเคยเป็นคู่เชยชมชื่นให้คืนมา
 ทั้งโกสีย์ตรีเนตรเห็นเหตุสิ้นว่ายุพินอยู่ที่ไหนนำไปหา
 หาไม่ฉันวานแต่พระสุชาดาช่วยอุ้มพามาให้พบประสบกัน
 ทั้งพรหมานวานแต่พาหนะหงส์จะได้ทรงเหาะแสวงทุกแห่งสวรรค์
 แม้นได้นุชบุษบาวิลาวัณย์จะทำขวัญหงส์พรหมให้สมยศฯ
 
จนพลบค่ำรำลึกนึกอนาถไม่ไสยาสน์ยามวิโยคโศกกำสรด
 จนแจ่มแจ้งแสงตะวันให้รันทดให้ยกทัพขับรถเลี้ยวลดเดิน
 ทุกแว่นแคว้นแดนชวาสุธาทวีปเที่ยวเร็วรีบรอบเกาะดังเหาะเหิน
 ไม่พบเห็นเป็นเคราะห์จำเพาะเผอิญไปจนเกินมะละกาพารารายฯ
 
เมืองระตูรู้ทั่วกลัวอำนาจต่างแต่งราชธิดามาถวาย
 ไม่ไยดีอีนังแต่ซังตายแม้นแก้วหายได้ปัดไม่ทัดเทียม
 แม้นมิเหมือนเพื่อนเชยที่เคยชิดไม่ขอคิดนึกหน่ายละอายเหนียม
 แต่ปราศรัยไต่ถามตามธรรมเนียมไม่และเลียมเลยแสวงทุกแห่งไปฯ
 
ถึงเจ็ดเดือนเคลื่อนคลาดประหลาดแล้วไม่พบแก้วกลอยจิตพิสมัย
 จนพระรูปซูบผอมเพราะตรอมใจทั้งนายไพร่พลนิกรอ่อนกำลัง
 จนถึงทางร่วมที่บุรีรัตน์ที่จะตัดมรคาไปกาหลัง
 เห็นเขาเขินเนินร่มพนมวังต้นดงรังครึกครื้นระรื่นเย็น
 ที่ธารถ้ำน้ำพุทะลุลั่นเป็นช่องชั้นบัลลังก์น่านั่งเล่น
 ผลาผลหล่นกลาดดาษกระเด็นดอกไม้เป็นดอกพร้อมหอมรัญจวน
 จะใคร่บวชสวดมนต์อยู่บนเขาเพราะแสนเศร้าสุดจะตามทรามสงวน
 แม้นมิตามความรักเฝ้าชักชวนให้ปั่นป่วนไปตามเพราะความรัก
 จะหักอื่นขืนหักก็จักได้หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก
 สารพัดตัดขาดประหลาดนักแต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ
 จะสร้างพรตอดรักหักสวาทเผื่อจะขาดข้อคิดพิสมัย
 แม้นน้องนุชบุษบานิคาลัยจะได้ไปสู่สวรรค์ชั้นโสฬส
 จึงหยุดทัพยับยั้งตั้งอาศรมรักษาพรหมจรรย์ด้วยกันหมด
 ปะตาปาอายันอยู่บรรพตอุตส่าห์อดอาลัยก็ไม่คลาย
 ภาวนาว่าจะตั้งปลงสังเวชก็หลับเนตรเห็นคู่ไม่รู้หาย
 จะสวดมนต์ต้นถูกถึงผูกปลายก็กลับกลายเรื่องราวเป็นกล่าวกลอนฯ
 
คิดถึงนุชบุษบาออกมานั่งบนบัลลังก์เหลี่ยมผาหน้าสิงขร
 พระตรวจน้ำร่ำว่าด้วยอาวรณ์หวังสมรเหมือนจะคลาดในชาตินี้
 จะอุตส่าห์ปะตาปารักษากิจอวยอุทิศผลผลาถึงยาหยี
 จะเกิดไหนในจังหวัดปัถพีให้เหมือนปี่กับขลุ่ยต้องทำนองกัน
 เป็นจีนจามพราหมณ์ฝรั่งแลอังกฤษให้สนิทเสน่หาตุนาหงัน
 แม้นเป็นไทยให้เป็นวงศ์ร่วมพงศ์พันธุ์พอโสกันต์ให้ได้อยู่เป็นคู่ครอง
 ครั้นกรวดน้ำสำเร็จเสด็จกลับเข้าห้องหับโหยไห้พระทัยหมอง
 ทุกเช้าค่ำรำลึกเฝ้าตรึกตรองจนขาดครองคราวสวาทนิราศเอยฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื้อเพลง