ช้าปี่ |
๏ มาจะกล่าวบทไป | | ถึงระเด่นลันไดอนาถา |
เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา | | ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์ |
อยู่ปราสาทเสาคอดยอดด้วน | | กำแพงแก้วแล้วล้วนด้วยเรียวหนาม |
มีทหารหอนเห่าเฝ้าโมงยาม | | คอยปราบปรามประจามิตรที่คิดร้าย |
ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง | | เป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย |
ไม่มีใครชังชิงทั้งหญิงชาย | | ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี |
พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ | | ยุงชุมสุมควันแล้วเข้าที่ |
บรรทมเหนือเสื่อลำแพนแท่นมณี | | ภูมีซบเซาเมากัญชา |
ฯ ๔ คำ ฯ |
ร่าย |
๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยันตะวันโด่ง | | โก้งโค้งลงในอ่างแล้วล้างหน้า |
เสร็จเสวยข้าวตังกับหนังปลา | | ลงสระสรงคงคาในท้องคลอง |
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ |
ชมตลาด |
๏ กระโดดดำสามทีสีเหื่อไคล | | แล้วย่างขึ้นบันไดเข้าในห้อง |
ทรงสุคนธ์ปนละลายดินสอพอง | | ชโลมสองแก้มคางอย่างแมวคราว |
นุ่งกางเกงเข็มหลงอลงกรณ์ | | ผ้าทิพย์อาภรณ์พื้นขาว |
เจียระบาดเสมียนละว้ามาแต่ลาว | | ดูราวกับหนังแขกเมื่อแรกมี |
สวมประคำดีควายตะพายย่าม | | หมดจดงดงามกว่าปันหยี |
กุมตระบองกันหมาจะราวี | | ถือซอจรลีมาตามทาง |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า |
ร่าย |
๏ มาเอยมาถึง | | เมืองหนึ่งสร้างใหม่ดูใหญ่กว้าง |
ปราสาทเสาเล้าหมูอยู่กลาง | | มีคอกโคอยู่ข้างกำแพงวัง |
พระเยื้องย่างเข้าทางทวารา | | หมู่หมาแห่ห้อมล้อมหน้าหลัง |
แกว่งตระบองป้องปัดอยู่เก้กัง | | พระทรงศักดิ์หยักรั้งคอยราญรอน |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะหูกลวงดวงสมร |
ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร | | เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว |
โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา | | บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว |
แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว | | หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย |
ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า | | คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย |
จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย | | ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง |
พอเหลือบเห็นระเด่นลันได | | อรไทผินผันหันข้าง |
ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง | | ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง |
งามกว่าภัสดาสามี | | ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง |
เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง | | นางตะลึงแลดูพระภูมี |
ฯ ๑๐ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | พระสุวรรณลันไดเรืองศรี |
เหลียวพบสบเนตรนางตานี | | ภูมีพิศพักตร์ลักขณา |
ฯ ๒ คำ ฯ |
ชมโฉม |
๏ สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด | | งามละม้ายคล้ายอูฐกะหลาป๋า |
พิศแต่หัวจรดเท้าขาวแต่ตา | | ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ |
คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย | | จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ |
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ | | ลำคอโตตันสั้นกลม |
สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว | | โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม |
เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม | | มันน่าเชยน่าชมนางเทวี |
ฯ ๖ คำ ฯ |
ร่าย |
๏ นี่จะเป็นลูกสาวท้าวพระยา | | ฤๅว่าเป็นพระมเหสี |
อกใจทึกทักรักเต็มที | | ก็ทรงสีซอสุวรรณขึ้นทันใด |
ฯ ๒ คำ ฯ |
พัดชา |
๏ ยักย้ายร่ายร้องเป็นลำนำ | | มีอยู่สองสามคำจำไว้ได้ |
สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร | | ถูกแล้วกลับไปได้เท่านั้น |
ฯ ๒ คำ ฯ |
ร่าย |
๏ แล้วซ้ำสีอิกกระดิกนิ้ว | | ทำยักคิ้วแลบลิ้นเล่นขบขัน |
เห็นโฉมยงหัวร่ออยู่งองัน | | พระทรงธรรม์ทำหนักชักเฉื่อยไป |
ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะตานีศรีใส |
สดับเสียงสีซอพอฤทัย | | ให้วาบวับจับใจผูกพัน |
ยิ่งคิดพิศวงพระทรงศักดิ์ | | ลืมรักท้าวประดู่ผู้ผัวขวัญ |
ทำไฉนจะได้พระทรงธรรม์ | | มาเคียงพักตร์สักวันด้วยรักแรง |
คิดพลางทางเข้าไปในห้อง | | แล้วตักเอาข้าวกล้องมาสองแล่ง |
ค่อยประจงลงใส่กระบะแดง | | กับปลาสลิดแห้งห้าหกตัว |
แล้วลงจากบันไดมิได้ช้า | | เข้ามานอบนบจบเหนือหัว |
เอาปลาใส่ย่ามด้วยความกลัว | | แล้วยอบตัวลงบังคมก้มพักตรา |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ลันไดให้แสนเสนหา |
อะรามรักยักคิ้วหลิ่วตา | | พูดจาลดเลี้ยวเกี้ยวพาน |
ฯ ๒ คำ ฯ |
โอ้โลม |
๏ งามเอยงามปลอด | | ชีวิตพี่นี้รอดด้วยข้าวสาร |
เป็นกุศลดลใจเจ้าให้ทาน | | เยาวมาลย์แม่มีพระคุณนัก |
พี่ขอถามนามท้าวเจ้ากรุงไกร | | ชื่อเรียงเสียงไรไม่รู้จัก |
เจ้าเป็นพระมเหสีที่รัก | | ฤๅนงลักษณ์เป็นราชธิดา |
รูปร่างอย่างว่ากะลาสี | | พี่ให้มีใจรักเจ้าหนักหนา |
ว่าพลางเข้าใกล้กัลยา | | พระราชาฉวยฉุดยุดมือไว้ |
ฯ ๖ คำ ฯ |
ร่าย |
๏ ทรงเอยทรงกระสอบ | | ทำเล่นเห็นชอบฤๅไฉน |
ไม่รู้จักมักจี่นี่อะไร | | มาเลี้ยวไล่ฉวยฉุดยุดข้อมือ |
ยิ่งว่าก็ไม่วางทำอย่างนี้ | | พระจะมีเงินช่วยข้าด้วยฤๅ |
อวดว่ากล้าแข็งเข้าแย่งยื้อ | | ลวนลามถามชื่อน้องทำไม |
น้องมิใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย | | หยาบเหมือนขี้เลื่อยเมื่อหัวไหล่ |
ลูกเขาเมียเขาไม่เข้าใจ | | บาปกรรมอย่างไรก็ไม่รู้ |
ฯ ๖ คำ ฯ |
ชาตรี |
๏ ดวงเอยดวงไต้ | | สบถได้เจ็ดวัดทัดสองหู |
ความจริงพี่มิเล่นเป็นเช่นชู้ | | จะร่วมเรียงเคียงคู่กันโดยดี |
ถึงมิใช่ตัวเปล่าเจ้ามีผัว | | พี่ไม่กลัวบาปดอกนะโฉมศรี |
อันนรกตกใจไปใยมี | | ยมพระบาลกับพี่เป็นเกลอกัน |
เพียงจับมือถือแขนอย่าแค้นเคือง | | จะให้น้องสองเฟื้องอย่าหุนหัน |
แล้วแก้เงินในไถ้ออกให้พลัน | | นี่แลขันหมากหมั้นกัลยา |
พอดึกดึกสักหน่อยนะน้องแก้ว | | พี่จะลอดล่องแมวขึ้นไปหา |
โฉมเฉลาเจ้าจงได้เมตตา | | เปิดประตูไว้ท่าอย่าหลับนอน |
ฯ ๘ คำ ฯ |
ร่าย |
๏ ทรงเอยทรงกระโถน | | อย่ามาพักปลอบโยนให้โอนอ่อน |
ไม่อยากได้เงินทองของภูธร | | นางเคืองค้อนคืนให้ไม่อินัง |
ช่างอวดอ้างว่านรกไม่ตกใจ | | คนอะไรอย่างนี้ก็มีมั่ง |
เชิญเสด็จรีบออกไปนอกวัง | | อย่ามานั่งวิงวอนทำค่อนแคะ |
เพียงแต่รู้จักกันกระนั้นพลาง | | พอเป็นทางไมตรีกระนี้แหละ |
เมื่อพระอดข้าวปลาจึงมาแวะ | | น้องฤๅชื่อประแดะดวงใจ |
ท่านท้าวประดู่ผู้เป็นผัว | | ยังไปเลี้ยงวัวหากลับไม่ |
แม้นชักช้าชีวันจะบรรลัย | | เร่งไปเสียเถิดพระราชา |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ลันไดยิ้มเยาะหัวเราะร่า |
เราไม่เกรงกลัวอิทธิ์ฤทธา | | ท้าวประดู่จะมาทำไมใคร |
พี่ก็ทรงศักดากล้าหาญ | | แต่ข้าวสารเต็มกระบุงยังแบกไหว |
ปลาแห้งพี่เอาเข้าเผาไฟ | | ประเดี๋ยวใจเคี้ยวเล่นออกเป็นจุณ |
ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะเห็นความจะวามวุ่น |
จึงนบนอบยอบตัวทำกลัวบุญ | | ไม่รู้เลยพ่อคุณนี้มีฤทธิ์ |
กระนั้นสิเมื่อพระเสด็จมา | | หมูหมาย่นย่อไม่รอติด |
ขอพระองค์จงฟังยั้งหยุดคิด | | อย่าให้มีความผิดติดตัวน้อง |
ท้าวประดู่ภูธรเธอขี้หึง | | ถ้ารู้ถึงท้าวเธอจะทุบถอง |
จงไปเสียก่อนเถิดพ่อรูปทอง | | อย่าให้น้องชั่วช้าเป็นราคี |
ว่าพลางทางสลัดปัดกร | | ควักค้อนยักหน้าตาหยิบหยี |
นาดกรอ่อนคอจรลี | | เดินหนีมิให้มาใกล้กราย |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ลันไดไม่สมอารมณ์หมาย |
เห็นนางหน่ายหนีลี้กาย | | โฉมฉายสลัดพลัดมือไป |
มันให้ขัดสนยืนบ่นออด | | เจ้ามาทอดทิ้งพี่หนีไปได้ |
ตัวกูจะอยู่ไปทำไม | | ก็ยกย่ามขึ้นไหล่ไปทั้งรัก |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
ช้า |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่สุริวงศ์ทรงกระฏัก |
เที่ยวเลี้ยงวัวล้าเลื่อยเหนื่อยนัก | | เข้าหยุดยั้งนั่งพักในศาลา |
วันเมื่อมเหสีจะมีเหตุ | | ให้กระตุกนัยเนตรทั้งซ้ายขวา |
ตุ๊กแกตกลงตรงพักตรา | | คลานไปคลานมาก็สิ้นใจ |
แม่โคขึ้นสัดผลัดโคตัวผู้ | | พิเคราะห์ดูหลากจิตคิดสงสัย |
จะมีเหตุแม่นมั่นพรั่นพระทัย | | ก็เลี้ยวไล่โคกลับเขาพารา |
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด |
ร่าย |
๏ ครั้นถึงขอบรั้วริมหัวป้อม | | พระวิ่งอ้อมเลี้ยวลัดสกัดหน้า |
ไล่เข้าคอกพลันมิทันช้า | | เอาขี้หญ้าสุมควันกันริ้นยุง |
ยืนลูบเนื้อตัวที่หัวบันได | | แล้วเข้าในปรางค์รัตน์ผลัดผ้านุ่ง |
ยุรยาตรเยื้องย่างมาข้างมุ้ง | | เห็นกระบุงข้าวกล้องนั้นพร่องไป |
ปลาสลิดในกระบายก็หายหมด | | พระทรงยศแสนเสียดายน้ำลายไหล |
กำลังหิวข้าวเศร้าเสียใจ | | ก็เอนองค์ลงในที่ไสยา |
กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกมเหสี | | เข้ามานี่พุ่มพวงดวงยี่หวา |
วันนี้มีใครไปมา | | ยังพาราเราบ้างฤๅอย่างไร |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะฟังความที่ถามไถ่ |
กราบทูลเยื้องยักกระอักกระไอ | | ร้อนตัวกลัวภัยพระภูมี |
ตั้งแต่พระเสด็จไปเลี้ยงวัว | | น้องก็นอนซ่อนตัวอยู่ในที่ |
ไม่เห็นใครไปมายังธานี | | จงทราบใต้เกษีพระราชา |
ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดูได้ฟังให้กังขา |
จึงซักไซ้ไล่เลียงกัลยา | | ว่าไม่มีใครมาน่าแคลงใจ |
ทั้งข้าวทั้งปลาของข้าหาย | | เอายักย้ายขายซื้อฤๅไฉน |
ฤๅลอบลักตักให้แก่ผู้ใด | | จงบอกไปนะนางอย่าพรางกัน |
ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะตกใจอยู่ไหวหวั่น |
ด้วยแรกเริ่มเดิมทูลพระทรงธรรม์ | | ว่าใครนั้นมิได้จะไปมา |
ครั้นจะไม่ทูลความไปตามจริง | | ก็เกรงกริ่งด้วยพิรุธมุสา |
สารภาพกราบลงกับบาทา | | วอนว่าอย่าโกรธจงโปรดปราน |
วันนี้มีหน่อกระษัตรา | | เที่ยวมาสีซอขอข้าวสาร |
น้องเสียมิได้ก็ให้ทาน | | สิ้นคำให้การแล้วผ่านฟ้า |
ฯ ๖ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่ได้ฟังนึกกังขา |
ใครหนอหน่อเนื้อกระษัตรา | | เที่ยวมาสีซอขอทาน |
เห็นจะเป็นอ้ายระเด่นลันได | | ที่ครอบครองกรุงใกล้เทวฐาน |
มันเสแสร้งแกล้งทำมาขอทาน | | จะคิดอ่านตัดเสบียงเอาเวียงชัย |
จึงชี้หน้าว่าเหม่มเหสี | | มึงนี้เหมือนหนอนที่บ่อนไส้ |
ขนเอาปลาข้าวให้เขาไป | | วันนี้จะได้อะไรกิน |
ถ้ามั่งมีศรีสุขก็ไม่ว่า | | นี่สำเภาเลากาก็แตกสิ้น |
แล้วมิหนำซ้ำตัวเป็นมลทิน | | จะอยู่กินต่อไปให้คลางแคลง |
เจ้าศรัทธาอาศัยอย่างไรกัน | | ฤๅกระนี้กระนั้นก็ไม่แจ้ง |
จะเลี้ยงไว้ไยเล่าเมื่อข้าวแพง | | ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกว |
ฯ ๑๐ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะเลี้ยวลอดกอดเอวได้ |
เหมือนเล่นงูกินหางไม่ห่างไกล | | นึกประหวั่นพรั่นใจอยู่รัวรัว |
โปรดก่อนผ่อนถามเอาความจริง | | เมื่อชั่วแล้วแทงทิ้งเถิดทูลหัว |
อันพระสามีเป็นที่กลัว | | จะทำนอกใจผัวอย่าพึงคิด |
พระหึงหวงมิได้ล่วงพระอาญา | | ที่ให้ข้าวให้ปลานั้นข้าผิด |
น้องนี้ทำชั่วเพราะมัวมิด | | ทำไมกับชีวิตไม่เอื้อเฟื้อ |
น้องมิได้ศรัทธาอาศัย | | จะลุยน้ำดำไฟเสียให้เชื่อ |
ไม่มีอาลัยแก่เลือดเนื้อ | | แต่เงื้อเงื้อไว้เถิดอย่าเพ่อแทง |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดูเดือดนักชักพระแสง |
ถ้าบอกจริงให้กูอีหูแหว่ง | | จะงดไว้ไม่แทงอย่าแย่งยุด |
กูก็เคยเกี้ยวชู้รู้มารยา | | มิใช่มึงโสดามหาอุด |
มันเป็นถึงเพียงนี้ก็พิรุธ | | ถึงดำน้ำร้อยผุดไม่เชื่อใจ |
ยังจะท้าพิสูจน์รูดลอง | | พ่อจะถองให้ยับจนตับไหล |
เห็นว่ากูหลงรักแล้วหนักไป | | เอออะไรนี่หวาน้ำหน้ามึง |
หาเอาใหม่ให้ดีกว่านี้อีก | | ผิดก็เสียเงินปลีกสองสลึง |
กำลังกริ้วโกรธาหน้าตึง | | ถีบผึงถูกตะโพกโขยกไป |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
โอ้ |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะเจ็บจุกลุกไม่ไหว |
ค่อยยืนยันกะเผลกเขยกไป | | เข้ายังครัวไฟร้องไห้โฮ |
ร้อนดิ้นเร่าเร่าพ่อเจ้าเอ๋ย | | ลูกไม่เคยโกหกพกโมโห |
เสียแรงได้เป็นข้ามาแต่โซ | | กลับพาลโกรธาด่าตี |
น้องก็ไร้ญาติวงศ์พงศา | | หมายพึ่งบาทาพระโฉมศรี |
โคตรพ่อโคตรแม่ก็ไม่มี | | อยู่ถึงเมืองตานีเขาตีมา |
ตะโพกโดกโดยเมียแทบคลาด | | ถีบด้วยพระบาทดังชาติข้า |
จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้ายา | | ตายโหงตายห่าก็ตายไป |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
ร่าย |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดูได้ฟังดังเพลิงไหม้ |
ดูดู๋อีประแดะค่อนแคะได้ | | กลับมาด่าได้อีใจเพชร |
เอาแต่คารมเข้าข่มกลบ | | กูจะจิกหัวตบเสียให้เข็ด |
ชะช่างโศกาน้ำตาเล็ด | | กูรู้เช่นเห็นเท็จทุกสิ่งอัน |
ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ ว่าพลางทางคว้าได้พร้าโต้ | | ดุด่าตาโตเท่ากำปั้น |
ผลักประตูครัวไฟเข้าไปพลัน | | นางประแดะยืนยันลันกลอนไว้ |
ผลักมาผลักไปอยู่เป็นครู่ | | จะเข้าไปในประตูให้จงได้ |
กระทืบฟากโครมครามความแค้นใจ | | อึกกระทึกทั่วไปในพารา |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
๏ บัดนั้น | | พวกหัวไม้กระดูกผีขี้ข้า |
บ่อนเลิกกินเหล้าเมากลับมา | | ได้ยินเสียงเถียงด่ากันอื้ออึง |
จึงหยุดนั่งข้างนอกริมคอกวัว | | ว่าเมียผัวคู่นี้มันขี้หึง |
พอพลบค่ำราตรีตีตะบึง | | อึงคงนักหนาน่าขัดใจ |
แล้วคว้าก้อนอิฐปาเข้าฝาโผง | | ตกถูกโอ่งปาล้อแลหม้อไห |
พลางตบมือร้องเย้ยเผยไยไย | | แล้ววิ่งไปทางตะพานบ้านตะนาว |
ฯ ๖ คำ ฯ รัว |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่ตาพองร้องบอกกล่าว |
หยิบงอบครอบหัวตัวสั่นท้าว | | อ้ายพ่อจ้าวชาวบ้านวานช่วยกัน |
วัวน้ำวัวหลวงกูได้เลี้ยง | | อิฐมาเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสนั่น |
สาเหตุมีมาแต่กลางวัน | | คงได้เล่นเห็นกันอ้ายลันได |
ทั้งนี้เพราะอีมะเหเสือ | | จะกินเลือดกินเนื้อกูให้ได้ |
ขว้างวังครั้งนี้ไม่มีใคร | | ชู้มึงฤๅมิใช่อีมารยา |
พระฉวยได้ไม้ยุงปัดกวัดแกว่ง | | สำคัญว่าพระแสงขึ้นเงื้อง่า |
เลี้ยวไล่ฟาดฟันกัลยา | | วิ่งมาวิ่งไปอยู่ในครัว |
ฯ ๘ คำ ฯ |
สับไทย |
๏ เหม่เหม่ดูดู๋อีประแดะ | | ที่นี้แหละเห็นประจักษ์ว่ารักผัว |
หากกูรู้ตัว | | หัวไม่แตกแตน |
ขว้างแล้วหนีไป | | มิได้ตอบแทน |
ยิ่งคิดยิ่งแค้น | | เลี้ยวแล่นไล่ตี |
ฯ ๔ คำ ฯ |
รื้อ |
๏ ทรงเอยทรงกระบอก | | น้องไม่เห็นด้วยดอกพระโฉมศรี |
ปาวังครั้งนี้ | | มิใช่ชู้น้อง |
สืบสมดังว่า | | สัญญาให้ถอง |
วิ่งพลางทางร้อง | | ตีน้องทำไม |
ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เหลือเอยเหลือเถน | | ขัดเขมนขบฟันมันไส้ |
ปรานีมึงไย | | ใครใช้มีชู้ |
ไม่เลี้ยงเป็นเมีย | | ไปเสียอย่าอยู่ |
รั้ววังของกู | | ปิดประตูตีแมว |
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะเหนื่อยอ่อนลงนอนแส้ว |
ยกมือท่วมหัวลูกกลัวแล้ว | | กอดก้นผัวแก้วเข้าคร่ำครวญ |
ฯ ๒ คำฯ |
โอ้ |
๏ โอ้พระยอดตองของน้อยเอ๋ย | | กระไรเลยช่างสลัดตัดเด็ดด้วน |
แม้นชั่วช้าจริงจังก็บังควร | | พ่อมาด่วนมุทะลุดุดันไป |
จงตีแต่พอหลาบปราบพอจำ | | จะเฝ้าเวียนเฆี่ยนซ้ำไปถึงไหน |
งดโทษโปรดเถิดพระภูวไนย | | น้องยังไม่เคยไกลพระบาทา |
ถึงไม่เลี้ยงเป็นพระมเหสี | | จะขอพึ่งบารมีเป็นขี้ข้า |
ไม่ถือว่าเป็นผัวเพราะชั่วช้า | | จะก้มหน้าเป็นทาสกวาดขี้วัว |
สิบคนเข้าไม่เท่าคนหนึ่งออก | | อยู่กับคอกช่วยใช้พ่อทูลหัว |
ร่ำพลางทางทุ่มทอดตัว | | ตีอกชกหัวแล้วโศกา |
ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
ร่าย |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่ได้ฟังนางร่ำว่า |
ให้นึกสมเพชเวทนา | | น้ำตาไหลนองสักสองครุ |
หวนรำลึกนึกถึงอ้ายลันได | | กลับเจ็บใจไม่เหือดเดือดดุ |
โมโหมืดหน้าบ้ามุทะลุ | | กระดูกผุเมื่อไรก็ไม่ลืม |
กูไม่อยากเอาไว้ใช้สอย | | นึกว่าปล่อยสิงห์สัตว์วัดสามปลื้ม |
แต่ชั้นทอผ้ายังคาฟืม | | ดีแต่ยืมเขากินอีสิ้นอาย |
แม่เรือนเช่นนี้มิเป็นผล | | มันจะลวงล้วงก้นจนฉิบหาย |
ไปเสียมึงไปไม่เสียดาย | | กูจะเป็นพ่อหม้ายสบายใจ |
สาวสาวชาววังก็ยังถม | | ไม่ปรารมภ์ปรารี้จะมีใหม่ |
เก็บเงินค่านมผสมไว้ | | หาไหนหาได้ไม่ทุกข์ร้อน |
ฯ ๑๐ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะหูกลวงดวงสมร |
สุดที่จะพรากจากจร | | บังอรข้อนทรวงเข้าร่ำไร |
ฯ ๒ คำ ฯ |
โอ้ |
๏ โอ้พ่อใจบุญของเมียเอ๋ย | | แปดค่ำพ่อเคยเชือดคอไก่ |
ต้มปลาร้าตั้งหม้อกับหน่อไม้ | | เมียยังอาลัยได้อยู่กิน |
พราะเคยรีดนมวัวให้เมียขาย | | แม้สายที่ยังไม่หมดสิ้น |
เหลือติดก้นกระบอกเอาจอกริน | | ให้เมียกินวันละนิดคิดทุกวัน |
แต่พอพลบรบเมียเข้ากระท่อม | | พ่อนั่งกล่อมจนหลับแล้วรับขวัญ |
ในมุ้งยุงชุมพ่อสุมควัน | | สารพันทรงศักดิ์จะรักเมีย |
จะกินอยู่พูวายสบายใจ | | พ่อมอบไว้ให้วันละสิบเบี้ย |
อกน้องดังไฟไหม้ลามเลีย | | จะทิ้งเมียเสียได้ไม่ไยดี |
เที่ยงนางกลางคืนพ่อทูลหัว | | จะให้ออกนอกรั้วลูกกลัวผี |
ก้นไต้ก้นไฟก็ไม่มี | | ผลัดรุ่งพรุ่งนี้เถิดพ่อคุณ |
ถึงจะไม่ได้อยู่บนตำหนัก | | ขอพึ่งพักอาศัยเพียงใต้ถุน |
ยกโทษโปรดเถิดพ่อใจบุญ | | เสียแรงได้เลี้ยงขุนมีคุณมา |
ฯ ๑๒ คำ ฯ |
ร่าย |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่ได้ฟังชังน้ำหน้า |
น้อยฤๅอีขี้เค้าเจ้าน้ำตา | | ยังจะร่ำไรว่ากวนใจกู |
เมินเสียเถิดหวาอีหน้ารุ้ง | | อย่าพูดอยู่ข้างมุ้งรำคาญหู |
ไสหัวมึงออกนอกประตู | | ขืนอยู่ช้าไปได้เล่นกัน |
ว่าพลางปิดบานทวารโผง | | เข้าในห้องท้องพระโรงขมีขมัน |
ยกหม้อตุ้งก่าออกมาพลัน | | พระทรงศักดิ์ชักควันโขมงไป |
ฯ ๖ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะทุกข์ร้อนถอนใจใหญ่ |
แล้วข่มขืนกลืนกลั้นชลนัยน์ | | จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้าการ |
แต่ทุบตีมิหนำแล้วซ้ำขับ | | ให้อายอับเพื่อนรั้วหัวบ้าน |
เช้าค่ำร่ำว่าด่าประจาน | | ใครจะทานทนได้ในฝีมือ |
กูจะหาผัวใหม่ให้ได้ดี | | เอาโยคีกินไฟไม่ได้ฤๅ |
ไหนไหนชาวเมืองก็เลื่องฦๅ | | อึงอื้ออับอายขายพักตรา |
คว้าถุงเบี้ยได้ใส่กระจาด | | ฉวยผ้าแพรขาดขึ้นพาดบ่า |
ลงจากบันไดไคลคลา | | น้ำตาคลอคลอจรลี |
ฯ ๘ คำ ฯ ทยอย |
โอ้ร่าย |
๏ ครั้นมาพ้นคอกวัวรั้วตราง | | เหลียวหลังดูปรางค์ปราสาทศรี |
เคยได้ค้างกายมาหลายปี | | ครั้งนี้ตกยากจะจากไป |
หยุดยืนสะอื้นอยู่อืดอืด | | เดือนก็มืดเต็มทีไม่มีไต้ |
ฝนตกพรำพรำทำอย่างไร | | ก็หยุดยืนร้องไห้อยู่ที่ร้าน |
ฯ ๔ คำ ฯ โอด |
ช้า |
๏ เมื่อนั้น | | โฉมระเด่นลันไดใจหาญ |
ครั้นพลบค่ำเข็นบันไดไว้นอกชาน | | ยกเชิงกรานสุมไฟใส่ฟืนตอง |
แล้วเอนองค์ลงเหนือเสื่อกระจูด | | นอนนิ่งกลิ้งทูดอยู่ในห้อง |
เสนาะเสียงสำเนียงพิราบร้อง | | ครางกระหึมครึ้มก้องบนกบทู |
แว่วแว่วเค้าแมวในกลีบเมฆ | | ดูวิเวกลงหลังคาเที่ยวหาหนู |
พระเผยบัญชรแลชะแง้ดู | | ดาวเดือนรุบรู่ไม่เห็นตัว |
พระพายชายพัดอุตพิด | | พระทรงฤทธิ์เต็มกลั้นจนสั่นหัว |
หอมชื่นดอกอัญชันที่คันรั้ว | | ฟุ้งตระหลบอบทั่วทั้งวังใน |
ฯ ๘ คำ ฯ |
ร่าย |
๏ หวนรำลึกนึกถึงนางประแดะ | | ที่นัดแนะแต่เย็นเป็นไฉน |
ดึกแล้วแก้วตาเห็นช้าไป | | จะร้องไห้รำพึงถึงพี่ชาย |
จำจะไปให้ทันดังสัญญา | | ได้ย่องเบาเข้าหานางโฉมฉาย |
จึงอาบน้ำทาแป้งแต่งกาย | | สวมประคำดีควายสำหรับตัว |
แหงนดูฤกษ์บนฝนพยับ | | เดือนดับลับเมฆขมุกขมัว |
ลงบันไดเดินออกมานอกรั้ว | | โพกหัวกลัวอิฐคิดระอา |
หลายครั้งตั้งแต่มันทิ้งกู | | พระโฉมตรูเหลือบซ้ายแลขวา |
แล้วผาดแผลงสำแดงเดชา | | เดินมาตามตรอกซอกกำแพง |
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด |
๏ ประเดี๋ยวหนึ่งก็ถึงคอกโคขัง | | จะเข้าได้ดอกกระมังยังไม่แจ้ง |
เห็นกองไฟใส่สุมอยู่แดงแดง | | แอบแฝงฟังอยู่ดูท่าทาง |
เห็นทีท้าวประดู่ผู้ผัว | | จะนอนเฝ้าวัวอยู่ข้างล่าง |
แต่โฉมศรีนิฤมลอยู่บนปรางค์ | | กูจะขึ้นหานางทางล่องแมว |
จึงกลิ้งครกที่ใต้ถุนเข้าหนุนตีน | | พระโฉมฉายป่ายปีนอยู่แด่วแด่ว |
อกใจไม้ครูดขูดเป็นแนว | | จะเห็นรักบ้างแล้วฤๅแก้วตา |
พระประหวั่นพรั่นตัวกลัวจะตก | | ทำหนูกกเจาะเจาะเกาะข้างฝา |
ไฉนไม่คอยกันดังสัญญา | | อนิจจานอนได้ไม่คอยรับ |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่สุริวงศ์โก้งโค้งหลับ |
พอปราสาทสะเทือนไหวตกใจวับ | | ลุกขยับนิ่งฟังนั่งหลับตา |
คิดว่ามเหสีที่ถูกถอง | | แสบท้องหายโกรธเข้ามาหา |
ให้นึกสมเพชเวทนา | | สู้ทนทานด้านหน้ามาง้องอน |
จะขับหนีตีไล่ไม่ไปจาก | | อีร่วมเรือนเพื่อนยากมาแต่ก่อน |
แล้วคลี่ผ้าคลุมหัวล้มตัวนอน | | พระภูธรทำเฉยเลยหลับไป |
ฯ ๖ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ลันไดล้วงสลักชักกลอนได้ |
เปิดประตูเยื้องย่องเข้าห้องใน | | เข้านั่งใกล้ในจิตคิดว่านาง |
สมพาสยักษ์ลักหลับขึ้นทับบน | | ท้าวประดู่เต็มทนอยู่ข้างล่าง |
พระสร้วมสอดกอดไว้มิได้วาง | | ช้อนคางพลางจูบแล้วลูบคลำ |
ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่ผุดลุกขึ้นปลุกปล้ำ |
ตกใจเต็มทีว่าผีอำ | | ต่างคนต่างคลำกันวุ่นไป |
เอ๊ะจริตผิดแล้วมิใช่ผี | | จะว่าพระมเหสีก็มิใช่ |
ขนอกรกหนักทักว่าใคร | | ตกใจฉวยตระบองร้องว่าคน |
ลันไดโดดโผนโดนประตู | | ท้าวประดู่ร้องโวยขโมยปล้น |
ตะโกนเรียกเสนาสามนต์ | | มันไม่มีสักคนก็จนใจ |
ระเด่นโดดโลดออกมานอกรั้ว | | ผิดตัวแล้วกูอยู่ไม่ได้ |
ก็ผาดแผลงสำแดงฤทธิไกร | | วิ่งไปตามกำลังไม่รั้งรอ |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ หมาหมูกรูไล่ไม่มีขวัญ | | ปล่อยชันสามขาเหมือนม้าห้อ |
เต็มประดาหน้ามืดหืดขึ้นคอ | | ต้องหยุดยั้งรั้งรอมาตามทาง |
ถึงโดยจะไล่ก็ไม่ทัน | | ผิดนักสู้มันแต่ห่างห่าง |
พอแว่วสำเนียงเหมือนเสียงคราง | | อยู่ในร้านริมข้างหนทางจร |
เอ๊ะผีฤๅคนขนลุกซ่า | | พระหัตถ์คว้าฉวยอิฐได้สองก้อน |
หยักรั้งตั้งท่าจะราญรอน | | นี่หลอกหลอนเล่นข้าฤๅว่าไร |
ครั้นได้ยินเสียงชัดเป็นสัตรี | | จะลองฤทธิ์สักทีหาหนีไม่ |
กำหมัดเยื้องย่องมองเข้าไป | | แก่สาวคราวไหนจะใคร่รู้ |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะนั่งซุ่มคลุมหัวอยู่ |
สาระวนโศกาน้ำตาพรู | | เห็นคนย่องมองดูก็ตกใจ |
พอฟ้าแลบแปลบช่วงดวงพักตร์ | | เห็นระเด่นรู้จักก็จำได้ |
ทั้งสองข้างถ้อยทีดีใจ | | ทรามวัยกราบก้มบังคมคัล |
ฯ ๔ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ระเด่นเห็นนางพลางรับขวัญ |
นั่งลงซักไซ้ไล่เลียงกัน | | ไฉนนั่นกัลยามาโศกี |
พี่หลงขึ้นไปหานิจจาเอ๋ย | | ไม่รู้เลยน้องแก้วแคล้วกับพี่ |
พี่ไปพบท้าวประดู่ผู้สามี | | เกิดอึงมี่ตึงตังทั้งพารา |
มันจะกลับจับพี่เป็นผู้ร้าย | | จะฆ่าเสียให้ตายก็ขายหน้า |
เขาจะค่อนติฉินนินทา | | อดสูเทวาสุราลัย |
จะเอาเมียแล้วมิหนำซ้ำฆ่าผัว | | คิดกลัวบาปกรรมไม่ทำได้ |
พี่ขอถามสาวน้อยกลอยใจ | | เป็นไฉนกัลยามาโศกี |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะดวงยี่หวามารศรี |
สะอื้นพลางทางทูลไปทันที | | ทั้งนี้เพราะกรรมได้ทำไว้ |
ครั้งนี้มิชั่วก็เหมือนชั่ว | | นางตีอกชกหัวแล้วร้องไห้ |
ยังจะกลับมาเยาะนี่เพราะใคร | | ดูแต่หลังไหล่เถิดพ่อคุณ |
เขาขับหนีตีไล่ไสหัวส่ง | | เพราะพระองค์ทำความจึงวามวุ่น |
แต่รอดมาได้เห็นก็เป็นบุญ | | อย่าอยู่เลยพ่อคุณเขาตีตาย |
ฯ ๖ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ลันไดได้ฟังนางโฉมฉาย |
เขม้นมองดูหลังยังไม่ลาย | | พระจูบซ้ายจูบขวาห้าหกที |
เอาพระหัตถ์ช้อนคางแล้วพลางปลอบ | | อย่าพะอืดพะออบเลยโฉมศรี |
จะละห้อยน้อยใจไปไยมี | | บุญพี่กับนางได้สร้างมา |
อันระตูฤๅจะคู่กับนางอนงค์ | | มิใช่วงศ์อสัญแดหวา |
โฉมเฉลาเจ้าเหมือนบุษบา | | จรกาฤๅจะควรกับนวลน้อง |
ถ้าเป็นระเด่นเหมือนเช่นพี่ | | จึงควรที่ร่วมภิรมย์ประสมสอง |
ตรัสพลางทางชวนนวลละออง | | เยื้องย่องนำหน้าพานางเดิน |
ฯ ๘ คำ ฯ |
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนตำหนัก | | ตงหักกลัวจะตกงกเงิ่น |
ค่อยพยุงจูงนางย่างดำเนิน | | ชวนเชิญโฉมเฉลาเข้าที่นอน |
ลดองค์ลงเหลือที่ไสยาสน์ | | พระยี่ภู่ปูลาดขาดสองท่อน |
แล้วจึงมีมธุรสสุนทร | | อ้อนวอนโฉมเฉลาให้เข้ามุ้ง |
ฯ ๔ คำ ฯ |
โอ้โลม |
๏ โฉมเอยโฉมเฉิด | | เอนหลังบ้างเถิดจวนจะรุ่ง |
เสียแรงพี่รักเจ้าเท่ากระบุง | | จะไปนั่งทนยุงอยู่ทำไม |
เชิญมาร่วมเรียงเคียงเขนย | | อย่าทุกข์เลยที่จะหามาเลี้ยงให้ |
เรามั่งมีศรีสุขทุกข์อะไร | | เงินทองถมไปที่ในคลัง |
แต่ข้าวสารให้ทานพี่นี้ฤๅ | | ไม่พักซื้อได้ขายเสียหลายถัง |
ทั้งปลาแห้งปลาทูปูลัง | | เสบียงกรังมีมากไม่ยากจน |
ขี้คร้านขายนมวัวเหมือนผัวเจ้า | | พี่ได้เปล่าสารพัดไม่ขัดสน |
จงนั่งกินนอนกินสิ้นกังวล | | พี่จะขวนขวายหาเอามาเลี้ยง |
ว่าพลางทางตระโบมโลมเล้า | | อะไรเล่าฮึดฮัดเฝ้าวัดเหวี่ยง |
อุแม่เอ๋ยมิให้เข้าใกล้เคียง | | จะตกเตียงลงไปแล้วแก้วกลอยใจ |
ฯ ๑๐ คำ ฯ |
ร่าย |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะคลุ้มคลั่งผินหลังให้ |
ถอยถดขยดหนีภูวไนย | | นี่อะไรน่าเกลียดเบียดคะยิก |
ลูกผัวหัวท้ายเขาไม่ขาด | | ทำประมาทเปล่าเปล่าเฝ้าหยุกหยิก |
ปัดกรค้อนควักผลักพลิก | | อย่าจุกจิกกวนใจไม่สบาย |
อย่าพักอวดสมบัติพัสถาน | | ไม่ต้องการดอกจะสู้อยู่เป็นหม้าย |
หนีศึกปะเสือเบื่อจะตาย | | เฝ้ากอดก่ายไปได้ไม่ละวาง |
ฯ ๖ คำ ฯ |
ชาตรี |
๏ สุดเอยสุดลิ่ม | | เชิญผินหน้ามายิ้มกับพี่บ้าง |
เฝ้าถือโทษโกรธเกรี้ยวไปเจียวนาง | | ไม่เห็นอกพี่บ้างที่อย่างนั้น |
เหมือนน้ำอ้อยใกล้มดใครอดได้ | | พี่ก็ไม่มีคู่ตุนาหงัน |
ตั้งแต่นวดปวดท้องมาสองวัน | | ใครจะกลั้นอดทนพ้นกำลัง |
ทำไมกับลูกผัวกลัวมันไย | | ผิดก็เสียสินไหมให้ห้าชั่ง |
จูบเชื่อเสียก็ได้แล้วไม่ฟัง | | ลูบหน้าลูบหลังนั่งแอบอิง |
น้อยฤๅนมแต่ละข้างช่างครัดเคร่ง | | ปลั่งเปล่งใจหายคล้ายกล้วยปิ้ง |
อุ้มขึ้นใส่ตักรักจริงจริง | | อย่าสะบิ้งสะบัดตัดไมตรี |
ยิ่งดิ้นยิ่งกอดสอดสัมผัส | | อุยหน่าอ่ากัดพระหัตถ์พี่ |
ปัดป้องว่องไวอยู่ในที | | จนล้มกลิ้งลงบนที่บรรทมใน |
อัศจรรย์ลั่นพิลึกกึกก้อง | | ฟ้าร้องครั่นครื้นดังปืนใหญ่ |
เกิดพายุโยนยวบสวบสาบไป | | หลังคาพาไลแทบเปิดเปิง |
ฝนตกห่าใหญ่ใส่ซู่ซู่ | | ท่วมคูท่วมหนองออกนองเจิ่ง |
คางคกขึ้นกระโดดโลดลองเชิง | | อึ่งอ่างเริงร่าร้องแล้วพองคอ |
นกกระจอกออกจากวิมานมะพร้าว | | ต้องฝนทนหนาวอยู่งอนหง่อ |
ขนคางหางปีกเปียกจนมอซอ | | ฝนก็พอขาดเม็ดเสร็จบันดาล |
ฯ ๑๖ คำ ฯ โลม |
ช้า |
๏ เมื่อนั้น | | นางประแดะหูกลวงห่วงสงสาร |
ได้ร่วมรักชักเชยก็ชื่นบาน | | เยาวมาลย์หมอบเมียงเคียงกาย |
แล้วเชิญหม้อตุ้งก่าออกมาตั้ง | | นางนั่งเป่าชุดจุดถวาย |
ทรงศักดิ์ชักพลางทางยิ้มพราย | | โฉมฉายขวั้นอ้อยคอยแก้คอ |
ถูกเข้าสามจะหลิ่มยิ้มแหยะ | | นางประแดะสรวลสันต์กลั้นหัวร่อ |
พระโฉมยงทรงขับรับเพลงซอ | | ฉลองหอทรงธรรม์แล้วบรรทม |
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ |
ช้า |
๏ มาจะกล่าวบทไป | | ถึงนางกระแอทวายขายขนม |
เจ้าเงินโปรดปรานพานอุดม | | นุ่งห่มผืนผ้าค่าบาทเฟื้อง |
ผูกดอกออกจากฟากเรือนนาย | | ลดเลี้ยวเที่ยวขายข้าวเหนียวเหลือง |
ตามตลาดเสาชิงช้ามาเนืองเนือง | | ปลดเปลื้องเฟื้องไพได้ทุกวัน |
กับโฉมยงองค์ระเด่นลันได | | รักใคร่กันอยู่ก่อนเคยผ่อนผัน |
เชื่อถือซื้อขายเป็นนิรันดร์ | | เว้นวันสองวันหมั่นไปมา |
ฯ ๖ คำ ฯ |
ร่าย |
๏ วันเอยวันหนึ่ง | | คิดถึงลันไดจะไปหา |
นึ่งข้าวเหนียวใส่กระจาดยาตรา | | ตรงมาหาชู้คู่ชมเชย |
เที่ยวเตร็ดเตร่เร่ร้องแล้วท่องเที่ยว | | ซื้อข้าวเหนียวหน้ากุ้งกินแม่เอ๋ย |
ที่รู้จักทักถามกันตามเคย | | บ้างเยาะเย้ยหยอกยื้อซื้อหากัน |
พอเวลาตลาดวายสายแสง | | กระเดียดตะแกรงกรีดกรายผายผัน |
ทอดกรอ่อนคอจรจรัล | | มาปราสาทสุวรรณเจ้าลันได |
ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า |
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนนอกชาน | | เห็นทวารบานปิดคิดสงสัย |
ทั้งเสียงคนพูดกันอยู่ชั้นใน | | ทรามวัยแหวกช่องมองดู |
เห็นโฉมยงองค์ประแดะกับระเด่น | | คลี่ผ้าหาเล็นกันง่วนอยู่ |
โมโหมืดหน้าน้ำตาพรู | | ดังหัวหูจะแยกแตกทำลาย |
นี่เมียอ้ายประดู่อยู่หัวป้อม | | ไยจึงมายินยอมกันง่ายง่าย |
ทั้งสี่จักรยักหล่มถ่มร้าย | | มันจะให้ฉิบหายขายตน |
ชิชะเจ้าระเด่นพึ่งเห็นฤทธิ์ | | แต่ผ้านุ่งยังไม่มิดจะปิดก้น |
จองหองสองเมียจะเสียคน | | คิดว่ายากจนเฝ้าปรนปรือ |
จึงแกล้งเรียกพลันเจ้าลันได | | ค่าข้าวเหนียวสองไพไม่ให้ฤๅ |
ผ่อนผัดนัดหมายมาหลายมื้อ | | แม่จะยื้อให้อายขายหน้าเมีย |
ฯ ๑๐ คำ ฯ |
๏ เมื่อนั้น | | โฉมระเด่นลันไดแรกได้เสีย |
กำลังนั่งเคล้าเฝ้าคลอเคลีย | | ชมโฉมโลมเมียอยู่ริมมุ้ง |
ยกบาทพาดเพลาเกาสีข้าง | | สัพยอกหยอกนางอย่างลิงถุง |
แล้วยื่นมือมาจี้เข้าที่พุง | | นางสะดุ้งดุกดิกพลิกตะแคง |
เขาจะนอนดีดีเฝ้าจี้ไช | | ช่างกระไรหน้าเป็นเอ็นแข็ง |
จะนิ่งอยู่สักประเดี๋ยวทำเรี่ยวแรง | | มาแหย่แย่งกวนใจไปทีเดียว |
พอระเด่นได้ยินเสียงเรียกหา | | ก็รู้ว่าชู้เก่าเจ้าข้าวเหนียว |
จึงร้องว่าใครนั่นขันจริงเจียว | | จะมาเที่ยวจัณฑาลพาลเอาความ |
ค่าข้าวเหนียวสองไพข้าให้แล้ว | | มาทำเสียงแจ้วแจ้วไม่เกรงขาม |
ไม่ได้ติดค้างมาอย่าวู่วาม | | ลุกลามสิ้นทีมีแต่อึง |
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา |
๏ เมื่อนั้น | | นางทวายยิ่งพิโรธโกรธขึ้ง |
ยืนกระทืบนอกชานอยู่ตึงตึง | | หวงหึงด่าว่าท้ายทาย |
นี่แน่อ้ายสำเร็จเจ็ดตะคุก | | มาลืมคุณข้าวสุกเสียง่ายง่าย |
กูเชื่อหน้าคิดว่าลูกผู้ชาย | | จึงสู้ขายติดค้างยังไม่รับ |
ช่างโกหกพกลมประสมประสาน | | จะประจานเสียให้สมที่สับปลับ |
แต่เบี้ยติดสองไพยังไม่รับ | | กูสิ้นนับถือแล้วอ้ายลันได |
ฯ ๖ คำฯ |
๏ เมื่อนั้น | | ระเด่นตอบตามอัชฌาสัย |
เขาขี้คร้านพูดจาอย่าหนักไป | | ข้ารู้ใจเจ้าดอกกัลยา |
เจ้าพิโรธโกรธขึ้งเพราะหึงหวง | | จึงจาบจ้วงล่วงเกินเป็นหนักหนา |
ข้าผิดแล้วกลอยใจได้เมตตา | | เชิญเข้าเคหาปรึกษากัน |
ฯ ๔ คำ ฯ
|