วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565

ตำนานรัก คิวปิด เทพเจ้าแห่งความรัก



อีรอส (Eros) กามเทพในตำนานปรัมปราของชาวกรีก หรืออีกชื่อก็คือ คิวปิด (Cupid) ซึ่งเป็นการเรียกแบบโรมัน   

คิวปิดคอยบันดาลความรักให้เกิดขึ้นกับผู้อื่นมากมาย  

ในยามที่คิวปิดโตเป็นหนุ่มก็ถือได้ว่าเป็นเทพที่มีรูปงามหน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดา ก็คงได้เชื้อสายรูปงามมาจากเทพีวีนัส (Venus เป็นชื่อโรมัน ส่วนชื่อกรีกเรียกว่าแอโฟรไดท์ Aphrodite) ผู้เป็นมารดา วีนัสนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพีที่สวยที่สุดหาผู้ใดเทียบเทียมมิได้ และนางก็คือต้นเหตุแห่งความยุ่งเหยิงทั้งหลายในตำนานบทนี้

เรื่องก็เนื่องมาจากมีกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงมีพระธิดา 3 พระองค์ ซึ่งก็สวยงามกันทุกพระองค์ แต่องค์เล็กนามว่าไซคี (Psyche) นั้นเลอโฉมกว่าใครๆ สวยดุจเทพธิดาจนผู้คนลือเลื่องไปทั่วแดน บางคนก็ยกย่องว่าเธอสวยราวกับวีนัสองค์ที่ 2 บางคนก็ถึงขั้นบอกว่าสวยกว่าวีนัสเสียอีก บ้างก็แอบเม้าท์ว่าเธอเป็นลูกสาวของวีนัสกับมนุษย์ (เทพีวีนัสขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้) ความงามที่ชวนหลงใหลนี้ส่งผลถึงขั้นทำให้ผู้คนที่เคยบวงสรวงบูชาเทพีวีนัสถึงกับละเลยสิ่งที่เคยทำ วิหารของพระนางถูกทิ้งให้เงียบเหงา ชื่อเสียงความเป็นหนึ่งด้านความงามของพระนางถูกมนุษย์ธรรมดามาทำให้เสื่อมคลายไปเสียแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้มีหรือที่พระนางจะไม่กริ้ว และผู้ที่ถูกเทพีวีนัสเรียกใช้ให้มาจัดการเรื่องนี้ก็คือลูกชายของเธออ คิวปิดนั่นเอง

คิวปิดได้รับคำบัญชาจากมารดาผู้ระทมทุกข์ว่า จงไปทำให้ไซคีหลงรักใครก็ได้ที่โหดร้ายและน่าเกลียดน่ากลัวที่สุด ซึ่งคิวปิดก็รับอาสาแต่โดยดีไม่มีบิดพลิ้ว แต่แผนการกลับไม่เป็นดังที่วีนัสคาดหวังไว้ เพราะเมื่อคิวปิดไปพบพักตร์โฉมงาม เขาก็พลันตกอยู่ในห้วงรักเสียเอง บางตำนานบอกว่าเขาเห็นไซคีหลับอยู่ก็เลยใช้ลูกศรสะกิดนาง แล้วด้วยความเผลอไผลเพราะความงามก็เลยทำศรแห่งรักทิ่มใส่ตัวเอง ก็เลยมีอันต้องตกหลุมรักไซคีเพราะอิทธิฤทธิ์อันไม่มีผู้ใดต้านทานจากศรของตัวเองเสียอย่างนั้น แต่ปัญหาก็คือ ถ้ามารดาของเขารู้เข้าต้องพิโรธหนักเป็นแน่ คิวปิดก็เลยจำใจต้องจากนางไปก่อน

ทางฝ่ายพระบิดาของไซคีนั้นก็กลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่งที่ลูกสาวคนเล็กหาคู่ครองไม่ได้ทั้งที่งามหยาดฟ้า พี่สาวสองคนสวยน้อยกว่ากลับมีคู่อภิเษกไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนไซคีนั้นมีแต่คนมาชื่นชมยกย่อง บางคนเรียกได้ว่าเทิดทูนบูชา แต่กลับไม่มีใครมาสู่ขอเธอไปเป็นชายาเลยสักราย

พระบิดาพระมารดาขอเธอจึงไปยังวิหารแห่งเทพอพอลโลเพื่อขอคำแนะนำ ผู้พยากรณ์ประจำวิหารได้แจ้งคำพยากรณ์แห่งเทพว่าให้ไซคีขึ้นไปอยู่บนยอดเขาเพียงลำพัง แล้วอสุรกายงูมีปีกที่คล้ายมังกรไฟซึ่งมีอำนาจมากจนมหาเทพซูสและชาวนรกยังสะพรึงกลัวจะมารับนางไปเป็นภรรยา เมื่อเป็นดังนี้ บิดาของไซคีจึงสั่งให้นางทำตาม ไซคีจึงต้องไปนั่งร่ำไห้อยู่บนยอดเขาด้วยความหวาดหวั่น แล้วในที่สุดเซฟีร์สายลมตะวันตกก็มาโอบอุ้มเธอลอยไปอย่างแผ่วเบา นำเธอไปสู่ดินแดนที่มีทุ่งหญ้าสวยงามสดชื่นตระการตาท่ามกลางกลิ่นหอมกรุ่นของมวลดอกไม้ มีป่าไม้ ลำน้ำใสสะอาด และมีคฤหาสน์ซึ่งมีเสาเป็นทอง พื้นโมเสก ผนังเป็นเงินแกะสลักลวดลาย ประดับประดาด้วยสิ่งล้ำค่าอันงามวิจิตรราวเทพเนรมิต เธอเดินไปยังคฤหาสน์นั้น แต่ยังรีรอไม่กล้าเข้าไป และท่ามกลางความเงียบสงัด เธอก็ได้ยินเสียงกระซิบนุ่มนวลบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นของเธอ ขอให้เธอพักผ่อนให้สบาย ในบ้านมีทุกสิ่งรอเธออยู่แล้วทั้งน้ำอาบ และอาหารรสเลิศบนโต๊ะอาหารที่จานชามทำหน้าที่ของตนโดยไม่ต้องมีคนเสิร์ฟ มีเสียงจากพิณที่บรรเลงตัวเองแผ่วเบาเคล้าคลอ เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นทางใจ และเชื่อว่าผู้จะเป็นสามีในอนาคตผู้นี้จะต้องไม่ใช่อสุรกายร้ายกาจเป็นแน่

และคืนนั้นเธอก็ถูกนำไปสู่ห้องที่มืดมิด ร่วมภิรมย์กับชายผู้ซ่อนร่างอยู่ในความมืด ทุกคืนเขาจะมาหาเธอเฉพาะในความมืดมิดของยามราตรี และสั่งว่าเธอจะต้องไม่มองเห็นเขา แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความรักความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ

คืนหนึ่ง สามีของเธอกล่าวเตือนว่าพี่สาวทั้งสองของไซคีกำลังจะมาหา ซึ่งจะนำภัยร้ายมาด้วย แต่ไซคีก็ยืนกรานว่าจะต้องพบพี่สาวให้ได้ และในวันรุ่งขึ้นเซฟีร์สายลมตะวันตกก็นำพี่สาวทั้งสองมายังรังรักของไซคี คนทั้งสามสวมกอดกันด้วยความคิดถึง ไซคีต้อนรับพี่ทั้งสองอย่างดี แต่เมื่อพี่สาวทั้งคู่ได้เห็นถึงความเป็นอยู่อันเปี่ยมสุขของน้องสาวก็เกิดจิตริษยา และสงสัยว่าสามีของน้องสาวเป็นใคร ไซคีบอกเพียงว่าเขาเป็นชายหนุ่มธรรมดา ขณะนี้ออกไปล่าสัตว์คงไม่กลับมาง่ายๆ เธอมอบเพชรนิลจินดาและทองคำให้พี่สาวเป็นของขวัญก่อนที่เซฟีร์จะนำพวกเธอกลับไปยังภูเขา

สามีของไซคีเตือนว่าพี่สาวทั้งสองจะกลับมาอีกพร้อมกับความเดือดร้อน ไซคีไม่รับฟังสิ่งที่เขาบอก เธอไม่เชื่อว่าพี่สาวจะคิดร้าย เมื่อพี่สาวทั้งสองกลับมาอีก พวกเธอก็เฝ้าถามถึงสามีของไซคี จนในที่สุดก็ทราบว่าไซคีไม่เคยเห็นสามีของตัวเองเลย แน่นอนว่าพวกเธอต้องเพียรยุยงจนไซคีหวั่นไหว ในที่สุดเธอก็ยอมทำตามที่พี่สาวแนะนำ คือ ให้ซ่อนมีดคมกริบและตะเกียงเอาไว้ ในยามที่สามีหลับใหลก็ให้ไซคีลุกขึ้นไปจุดตะเกียง หากว่าเขาเป็นอสุรกายดังเช่นที่ผู้พยากรณ์บอกเอาไว้ก็จงเสียบด้วยมีดเสียให้แดดิ้นไปเลย

แล้วเวลาแห่งการพิสูจน์ก็มาถึง เมื่อสามีหลับไป ไซคีจุดตะเกียงมาส่องดูด้วยจิตใจหวั่นหวาด ทว่าร่างที่เธอเห็นบนเตียงก็คือ ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเหนือมนุษย์ใดที่เธอเคยพบ มีปีกงามอยู่บนแผ่นหลัง เพราะเขาคือคิวปิด เทพที่มีรูปงามลือเลื่อง เธอละอายใจที่ไม่เชื่อถือคำพูดของเขาที่ห้ามไม่ให้เธอมองเห็นรูปโฉม (บางตำนานก็บอกว่าเธอตกใจโดนลูกศรคิวปิดจิ้มเอาในตอนนี้ด้วย) เธอตื่นเต้นจนทำมีดหลุดมือ และอีกมือที่ถือตะเกียงก็สั่นจนทำให้น้ำมันร้อนๆ หกราดลงไปบนไหล่ของสามี คิวปิดสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความแสบร้อน เขาเห็นไซคีถือตะเกียงก็รู้ทันทีว่าเธอไม่เชื่อฟังคำพูด เขาผลุนผลันบินออกจากบ้านไปทันที

ไซคีวิ่งตามเรียกหาเขาท่ามกลางความมืด แต่ก็ไม่พบ ได้ยินเพียงเสียงตัดพ้ออันเศร้าสร้อยว่า “ความรักอยู่ไม่ได้ถ้าไม่เชื่อใจกัน” เหตุที่คิวปิดไม่ยอมให้ไซคีรู้ว่าเขาเป็นใครนั้นเขาทำเพราะความปรารถนาดี หากวีนัสรู้ว่าลูกชายหลงรักไซคี นางต้องแผลงฤทธิ์ใส่เป็นแน่ แต่ไซคีก็ได้ทำทุกอย่างพังไปแล้ว เพราะวีนัสได้รู้ความจริงทันทีที่เห็นแผลของลูกชาย นางโกรธจนไม่แยแสบาดแผลของเขาด้วยซ้ำ สิ่งที่นางจะทำก็คือการเล่นงานไซคีเพียงอย่างเดียว ส่วนพี่สาวทั้งสองของไซคีก็พยายามแทนที่น้องสาว โดยพยายามเรียกร้องให้ลมตะวันตกพัดพวกนางจากยอดเขาไปหาคิวปิด เมื่อลมไม่ยอมพัดพวกนางก็เลยใช้วิธีโดดจากยอดเขาหวังให้สายลมมารับไป แต่ผลที่ได้ก็คือการตกเขาตาย!

ไซคีเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป เธอซัดเซพเนจรออกตามหาคิวปิด เธอต้องการพิสูจน์ถึงความรักที่มีต่อเขา หากหาไม่พบเธอก็จะดั้นด้นตามหาไปจนตาย ระหว่างนั้นเธอก็อ้อนวอนขอให้เทพเจ้าช่วยเหลือเธอด้วย แต่ก็ไม่มีเทพองค์ใดอยากเสี่ยงขัดใจวีนัส กระทั่งเธอหมดหนทางจึงไปอ้อนวอนกับเทพีวีนัส ซึ่งวีนัสก็กลั่นแกล้งเธอด้วยการให้ทำภารกิจซึ่งยากเกินมนุษย์จะทำได้ ประการแรกเธอนำเอาแป้งสาลี ข้าวบาร์เลย์ ถั่ว และธัญพืชหลายชนิดมาเทผสมรวมกันแล้วสั่งให้เธอแยกแต่ละชนิดออกเป็นสัดเป็นส่วน แล้ววีนัสก็จากไปด้วยความสะใจ

ความรักและความมุ่งมั่นของไซคีทำให้มีผู้เห็นใจ ซึ่งก็ไม่ใช่เทพผู้เก่งกล้าที่ไหน แต่เป็นมดตัวจ้อย ฝูงมดยกขบวนมาช่วยทำงานครั้งนี้สำเร็จได้อย่างเรียบร้อย วีนัสแสนเจ็บใจที่เธอทำงานได้สำเร็จ ก็เลยให้โจทย์ใหม่ที่ยากขึ้น คือ ไปเอาขนแกะทองคำมาจากอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำที่เชี่ยวกราก ฝูงแกะขนทองที่ว่านี้ยังดุร้ายอีกด้วย งานนี้เกินกำลังของไซคีจนนางแทบจะคิดโดดน้ำตาย แต่ต้นอ้อริมน้ำก็กระซิบบอกเธอว่าให้รอจนถึงตอนเย็นที่บรรดาแกะจะกลับไปนอน เหล่าต้นอ้อจะช่วยเกี่ยวขนแกะทองไว้ให้ ไซคีรอจนถึงเวลานั้นแล้วก็ได้ปุยขนแกะทองคำที่ติดอยู่ตามต้นอ้อจริงๆ

วีนัสก็กำหนดงานใหม่ให้ไซคีอีก เธอสั่งไซคีให้ไปตักน้ำสีดำจากต้นน้ำบนยอดเขาของแม่น้ำแห่งความตายมาให้เต็มถัง ยอดเขานั้นสูงชันเกินกว่าใครจะขึ้นไปได้ถ้าไม่มีปีก แถมยังมีมังกรเฝ้าอยู่ด้วย แต่แล้วพญาอินทรีก็บินมาฉวยถังไปจากเธอ แล้วตักน้ำสีดำจากต้นน้ำมาให้ ไซคีทำภารกิจสำเร็จอีกครั้ง (บางตำนานว่าซูสแอบส่งอินทรีมาช่วย)

แต่วีนัสก็ยังไม่ยอมเมตตา สั่งให้วีนัสลงไปยังขุมนรกเพื่อขอแบ่งความงามจากโพรเซอร์พินา ราชินีผู้เลอโฉมของเฮดีสเจ้านรกใส่มาในกล่องใบหนึ่ง เพราะวีนัสสูญเสียความงามไปบางส่วนจากการรักษาบาดแผลให้บุตรชาย ไซคีครุ่นคิดว่าจะลงไปในนรกได้อย่างไร ทางเดียวที่ทำได้ก็คงมีแค่ความตาย เธอจึงตัดสินใจว่าจะยอมตายเพื่อรัก เธอจึงไปปีนหอคอยเพื่อกระโดดลงมาผลาญชีพตนเอง แต่หอคอยได้พูดกับเธอว่ามีช่องทางลับที่จะลงไปในนรกได้ แต่เธอต้องนำเหรียญสองเหรียญอมไว้ในปาก กับพกขนมเค้กสองชิ้นติดตัวไปด้วย ไซคีปฏิบัติตามที่หอคอยแนะนำ เธอเดินทางตามโพรงลับลงไปใต้โลกไปจนพบแม่น้ำแห่งความตาย พบชารอนซึ่งมีหน้าที่แจวเรือนำวิญญาณข้ามแม่น้ำ ไซคีได้ใช้เหรียญที่อมมาเหรียญหนึ่งเป็นค่าเรือข้ามฟาก แล้วเดินทางต่อไปจนถึงวังซึ่งมีหมาสามหัวเซอร์เบรุสเฝ้าอยู่ เธอให้ขนมเค้กมันชิ้นหนึ่ง มันจึงยอมให้เธอผ่านประตูได้

เมื่อได้พบกับโพรเซอร์พินา ไซคีก็อ้อนวอนจนได้รับการช่วยเหลือเรื่องการใส่ความงามลงในกล่องอย่างง่ายดาย ขากลับเธอให้ขนมเค้กและเหรียญเป็นค่าผ่านทางอีกครั้งดังเช่นตอนเข้าไป จึงออกจากนรกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ระหว่างทาง ความรักสวยรักงามก็ทำให้เธอแอบเปิดกล่องออกดูเผื่อว่าจะแบ่งความสวยมาเติมให้ตัวเองอีกสักนิด ทว่า สิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นหาใช่ความงามไม่ แต่กลายเป็นความโหดเหี้ยมและมืดมนที่ทำให้เธอสลบไสลไปในทันที ในเวลานั้นคิวปิดรักษาบาดแผลหายแล้ว และสามารถหนีจากการกักขังของมารดาออกมาทางหน้าต่าง ก็รีบมาช่วยไซคีด้วยการดึงเอาความมืดมนออกจากไซคีใส่คืนในกล่อง แล้วปลุกไซคีตื่นขึ้นมาด้วยลูกศร เทศนาเธอเล็กน้อยเรื่องความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ไม่สมควร จากนั้นก็พาเธอนำกล่องไปให้มารดาของเขา

เมื่อสิ้นภารกิจนี้ คิวปิดเข้าเฝ้ามหาเทพซูส ขอให้พระองค์ตัดสินเรื่องทั้งปวง พระองค์ทรงเมตตาจึงเรียกประชุมเหล่าทวยเทพรวมทั้งวีนัสด้วย และประกาศให้คิวปิดและไซคีเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง พระองค์ให้เธอดื่มน้ำทิพย์ซึ่งทำให้เธอเป็นอมตะเฉกเช่นเหล่าเทพ วีนัสไม่อาจขัดขวางความรักครั้งนี้อีกต่อไป คิวปิดและไซคีจึงได้ครองรักกันอย่างมีความสุข 

อย่าว่าแต่มนุษย์อย่างเราๆเลย ขนาดเทพเจ้าแห่งความรักเองกว่า จะสมหวัง ยังลำบากแทบแย่ ดังนั้น ใครที่มีความรักก็ขอ ให้มั่นคงเข้มแข็งต่ออุปสรรค รักษาความรักที่สวยงามไว้ให้ยั่งยืนตลอดไปนะคะ

ไออิ กับ มาโกโต้


ซาโอโตเมะ ไออิ เด็กหญิงจากตระกูลเศรษฐีนิสัยอ่อนโยนได้รับความช่วยเหลือจาก ไทงะ มาโกโต้ เด็กชายที่พบในลานสกี ทำให้มาโคโต้ได้รับแผลเป็นรูปจันทร์เสี้ยวที่หน้าผาก เมื่อทั้ง 2 เติบโตขึ้นและได้พบกันอีก มาโคโต้ได้กลายเป็นนักเลงหัวไม้ ไออิจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความผิดในวัยเยาว์ที่ทำไว้กับมาโกโต้

เรื่องย่อ
สมัยเด็กไออิได้ไปเล่นสกีแต่พลาดเลื่อนไถลไปในทางที่อันตราย แต่ในอันตรายนั้นมีเด็กชายคนนึงมาช่วย คือมาโกโตะ แต่ก็ได้สร้างบาดแผล กับหน้าเขาไว้ และทั้งคู่ก็ไม่ได้พบกันอีก...

หลายปีต่อมา ความทรงจำนี้กลายเป็นรักครั้งแรกของคุณหนูไออิ แต่ชีวิตของมาโกโตะกลับแตกร้าว บาดแผลที่หน้าทำให้พ่อแม่ทะเลาะและแยกทางกัน จนกลายเป็นเด็กเลว เมื่อไออิไปพบเข้าอีกครั้งจึงให้พ่อช่วยเหลือมาเรียนในโรงเรียนชื่อดัง แต่เด็กเลวอย่างมาโกโตะเหรอจะดีง่าย ๆ ไออิต้องยอมเสียสละทุกอย่าง จนถึงเกียรติยศของตัวเอง....


วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2564

คำสาปฟาโรห์

 

คำสาปฟาโรห์ 

คำสาปฟาโรห์ เป็นการ์ตูนที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ แครอล (นางเอก) ลูกสาวคนเดียวของตระกูลลินตัน ซึ่งเธอทำป้ายดินเหนียวศักดิ์สิทธิ์แตก จึงทำให้เธอถูกไอซิส (พี่สาวพระเอก) นำตัวย้อนกลับมาในยุคอดีตในช่วงที่อาณาจักรลุ่มแม่น้ำไนล์เจริญรุ่งเรืองสุดขีด และได้พบกับ เมมฟิส (พระเอก) ฟาโรห์หนุ่มรูปงาม ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดปกครองอาณาจักรอียิปต์เมื่อ 3000 ปีก่อน

ปัจจุบัน คำสาปฟาโรห์ ยังคงมีตอนใหม่ออกมา และยังไม่มีกำหนดจบ

ตัวละครหลักในการ์ตูนเรื่อง คำสาปฟาโรห์

แครอล ลินตัน (Carol
ตัวเอกของเรื่อง เป็นเด็กสาวชาวอเมริกันจากยุคศตวรรษที่ 21 ผมสีทอง ตาสีฟ้า ผิวขาว อายุ 16 ปี เมื่อไปในอดีต ถูกเรียกว่า “เทพธิดาแห่งไนล์” มักจะถูกคนจากแคว้นต่างๆลักพาตัวไปอยู่เสมอ แต่เมมฟิสก็ไปช่วยกลับมาได้ทุกครั้ง
เมมฟิส (Memphis
ฟาโรห์หนุ่มรูปงามแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ เมื่อ 3 พันปีก่อน มีผมยาวตรง สีดำ นิสัยใจร้อน ขี้โมโห เหี้ยมโหด กล้าหาญ น่าเกรงขาม เมมฟิสเริ่มรักแครอลตั้งแค่แรกพบ และได้อภิเษกสมรสกันในที่สุด
ไอซิส (Isis
เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ เป็นพี่สาวของเมมฟิส มีรูปร่าง หน้าตางดงาม รักเมมฟิสน้องชายแท้ๆของตนเอง และเป็นคนพาแครอลไปในอดีต เธอต้องการที่จะฆ่าแครอล เพื่อที่จะเป็นราชินีแห่งอียิปต์
อิสมิล (Ishmin
เจ้าชายหนุ่มแห่งอาณาจักรฮิตไทท์โบราณซึ่งเป็นอาณาจักรที่กว้างใหญ่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบสูงอนาโตเลีย มักจะเดินทางไปยังเมืองต่างๆเพื่อศึกษาและสำรวจ เขาตกหลุมรักแครอลตั้งแต่แรกพบ และหวังที่จะอภิเษกสมรสกับแครอลให้ได้

เรื่องย่อ คำสาปฟาโรห์

แครอล นักศึกษาชาวอเมริกัน ผมทอง ผิวขาว นัยน์ตาสีฟ้า ชื่นชอบอียิปต์โบราณและอารยธรรมแห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ พ่อของเธอออกทุนในการค้นคว้าเกี่ยวกับสุสานฟาโรห์แห่งอียิปต์ โดยที่พี่ชายชื่อรอย และเพื่อนคู่ใจ ไรอัน (ซึ่งจริงๆ แล้ว ไรอันนั่นก็คือ เมมฟิสกลับชาติมาเกิด ซึ่งจะรู้ในภาคที่5) ศาสตราจารย์ รวมทั้งเพื่อนชายคนรักของเธอ จิมมี่ รวมอยู่ในทีมสำรวจด้วย ทีมสำรวจค้นพบสุสานฟาโรห์เมมฟิส ภายหลัง ศพและของใช้ถูกขโมยไป

เมื่อแครอลทำป้ายดินเหนียวสะกดวิญญาณแตก เจ้าหญิงไอซิส พี่สาวเมมฟิส จึงฟื้นคืนชีพ ด้วยความแค้น เนื่องจากมีคนมายุ่งกับสุสานน้องชาย เธอจึงฆ่าพ่อของแครอลด้วยงูเห่า และพาเอาแครอล ผู้ซึ่งเป็นที่รักทุก ๆ คนกลับไปสู่โลกของอดีต

ย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ภายใต้การปกครองของฟาโรห์เมมฟิส ฟาโรห์เมมฟิส เป็นชายหนุ่มผมดำยาว ใบหน้าคมสันงดงาม รูปหล่อ แต่ดุร้าย และน่ากลัว มีทหารเอกคนสำคัญ ชื่อมินูเอล เจ้าหญิงไอซิสพี่สาวต่างมารดา หลงรักน้องชายตนเองอย่างมาก ที่เมืองฮิปไทท์ (เพื่อนบ้านอียิปต์) มีเจ้าหญิงมิดามอน เธอหลงรักเมมฟิส จึงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย สร้างความรำคาญใจแก่เจ้าหญิงไอซิส

ส่วนแครอล หลังจากเธอถูกนำตัวมาสู่อดีต ก็สลบอยู่ที่กอต้นปาปิรุสริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ทาสชื่อโซชีช่วยเหลือ ทุกๆวันจะต้องไปทำงานสร้างสุสาน แครอลต้องเอาโคลนทาตัวเพื่อปิดบังผิวพรรณที่ขาวผุดผ่อง และคลุมผ้าเพื่อซ่อนผมสีทองเสีย มีอยู่วันนึง แครอลออกมากลางดึก พบเมมฟิสเข้า เมมฟิสนำตัวแครอลมา โดยเห็นว่าเป็นของเล่นที่แปลกตา แรกๆก็กัดกัน ทะเลาะกันตลอด หลังๆ เขารักและหวงแหนเธอยิ่งนัก

เนื่องจากเจ้าหญิงมิดามอน ก็ชอบเจ้าชายเมมฟิส เจ้าหญิงไอซิสจึงจับเธอมาขังไว้ และในภายหลังก็ได้เผาเธอทั้งเป็น สร้างความโกรธแค้นให้แก่เจ้าชายอิสมิล เจ้าชายแห่งเมืองฮิปไทท์ พี่ชายเของเธอป็นอย่างมาก เจ้าชายอิสมิลวางแผนฆ่าฟาโรห์เมมฟิสด้วยการปล่อยงูเห่าให้กัดฟาโรห์จนเกือบตาย แครอลช่วยชีวิตเอาไว้และคอยดูแล

เมมฟิสจึงรู้สึกดีกับแครอลมาก ประกาศจะอภิเษกสมรสกับเธอ แต่แครอลดื้อดึง และขัดใจเมมฟิสอยู่เรื่อย เขาจึงส่งแครอลไปทำงานกลางทะเลทราย โดยให้อุนัส ทหารรับใช้ คอยติดตามดูแลเธอ ที่นั่นแครอลทำประโยชน์ไว้มากมาย เธอสามารถทำให้น้ำที่มีแต่โคลนตมสะอาด ด้วยวิธีการกรองน้ำ (ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในศ.ต.ที่ 21) เธอรักษาคนที่ไม่สบายให้หาย และรู้วิธีตีดาบ รู้ประวัติและเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น จนอุปราชอิมูโฮเทป ประหลาดใจยิ่ง ราษฎรรักและเคารพแครอลเป็นอย่างมาก พวกเขายกย่องเธอให้เป็นธิดาแห่งไนล์ เธอเป็นที่รักใคร่และต้องการของชาวอียิปต์ สร้างความพอใจแก่เมมฟิสเป็นอย่างมาก

ชื่อเสียงเรียงนามของ ธิดาแห่งไนล์ ดังไปทั่วราชอาณาจักร เจ้าชายอิสมิล ซึ่งโกรธแค้นเมมฟิสเรื่องเจ้าหญิงมิดามอน ลักพาตัวแครอลไป โดยมีลูคา คอยรับใช้ และดูแลแครอลด้วย เจ้าชายอิสมิลตกหลุมรักแครอล จึงเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น ระหว่างเมืองอียิปต์ กับ เมืองฮิปไทท์ ที่เมืองอัสซีเรีย มีเจ้าชายอารูกอน ผู้รักสนุก เจ้าชู้ และบ้าผู้หญิง หมายจะชิงแครอลด้วยเช่นกัน ภายหลังต่อสู้กับเมมฟิสจนพ่ายแพ้และโดนตัดแขน ส่วนจามรี หญิงสาวที่สวยที่สุดในอัสซีเรีย หลังจากอารูกอนเมินเธอเพราะแครอล เธอจึงวางแผนจะได้ครอบครองเมมฟิส แต่ก็ไม่สำเร็จ

ที่เมืองบาบิโลน มีเจ้าชายราคัช วางแผนชิงตัวแครอลเช่นกัน จึงเข้ามาตีสนิทเจ้าหญิงไอซิส ที่เมืองลิเบีย เจ้าหญิงแห่งเมืองลิเบีย รักและเข้าใกล้เมมฟิส เธอสะกดเมมฟิสไว้ เพื่อหวังให้แครอลตัดใจจากเมมฟิส แต่ไม่สำเร็จเพราะเธอถูกเมมฟิสเมินใส่ และแครอลก็แท้งลูกของเธอและเมมฟิสเพราะไอซิสที่ผลักแครอลตกลงในทะเลแห่งความตาย เมื่อแครอลสามารถกลับไปหาเมมฟิสได้แล้ว แต่ไม่นานเธอก็ต้องไปเมืองมิโนอา เพื่อไปช่วยเจ้าชายที่กำลังป่วยหนักด้วยสัญญาบางประการที่ทหารองครักษ์ได้ให้สัญญาไว้เพื่อช่วยแครอล

เมื่อแครอลไปถึงมิโนอาแล้วได้ช่วยเจ้าชายแห่งเมืองมิโนอา เจ้าชายมิโนอาได้หลงรักเธอเข้าแล้วจึงได้พยายามรั้งเธอให้อยู่ที่มิโนอานานๆ ครั้งหนึ่งแครอล ได้เข้าไปยังเขาวงกตใต้ดิน แต่ถูกโจรจับตัวไป แต่ก็ถูกใครช่วยไม่ทราบเพราะถูกปิดตาเอาไว้ หลังจากนั้นชายผู้ที่ช่วยแครอลได้บอกนามตนว่า อาโตลาส และได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ต่อมางานเทศกาลได้ถูกจัดขึ้นที่มิโนอา บรรดาแขกจากต่างเมืองก็เข้ามาร่วมด้วย เช่น กษัตริย์ลิเบีย เจ้าชายชาร์สจากเมืองอัสซีเรีย เจ้าชายอิสมิสจาก เมืองฮิตไทท์ เป็นต้น ในระหว่างงานกำลังเริ่มต้นขึ้น แครอลถูกวัวของมิโนอาที่ถูกใช้ในพิธีเกิดบ้าคลั่งทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส

หมอหลวงประจำเมืองมิโนอาได้รักษาแครอลและบอกให้พักรักษาตัวในเมืองมิโนอาเป็นเวลา 1 เดือน

หลัง จากนั้น พระชนนีของเจ้าชายมิโนอาได้พาแครอนไปยังเกาะแห่งไฟเพื่อรักษาอาการ โดยเจ้าชายอิสมิลได้แอบตามไปด้วย


วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

 

เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ)

นายกเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพฯ คนแรก เมื่อปี พ.ศ. 2480 โดยมีพระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) เป็นปลัดเทศบาลนครกรุงเทพฯ คนแรก

 

โอสถ โกศิน

นายกเทศมนตรีนครกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 พ.ศ. 2494

สุรพงษ์ ตรีรัตน์

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ธันวาคม พ.ศ. 2500 และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 3 หลังจากนั้นเขาได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครกรุงเทพฯ คนสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร


พลเรือตรี ชลิต กุลกำม์ธร 

ใน พ.ศ. 2511 ได้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ในนาม คณะประชาธิปัตย์ เนื่องจากพระราชบัญญัติพรรคการเมืองยังไม่ได้ถูกตราขึ้นได้ส่งพลเรือตรีชลิตและทีมงานลงสมัครรับเลือกตั้ง ผลปรากฏว่าคณะประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งและได้มีการเลือก พลเรือตรีชลิต ให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพ โดยในปีเดียวกันก็ได้มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๑๑ พลเรือตรีชลิตก็ได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดจดทะเบียนจัดตั้ง ก่อนจะพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพเมื่อ พ.ศ. 2513


ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ

นายชำนาญ ยุวบูรณ์

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2516 - 22 ตุลาคม 2516 จากการแต่งตั้ง


นายอรรถ วิสูตรโยธาภิบาล

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2516 - 4 มิถุนายน 2517 จากการแต่งตั้ง


นายศิริ สันตะบุตร

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2517-13 มีนาคม 2518 จากการแต่งตั้ง


นายสาย หุตะเจริญ

เมื่อวันที่ 1 พฤษาคม 2518 - 9 สิงหาคม 2518 จากการแต่งตั้ง



นายธรรมนูญ เทียนเงิน

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2518 - 29 เมษายน 2520 จากการเลือกตั้ง


นายชลอ ธรรมศิริ

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2520 - 14 พฤษภาคม 2522 จากการแต่งตั้ง


นายเชาวน์วัศ สุดลาภา์

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2522 - 16 เมษายน 2524 จากการแต่งตั้ง


พลเรือเอกเทียม มกรานนท์

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2524 - 1 พฤศจิกายน 2527 จากการแต่งตั้ง


นายอาษา เมฆสวรรค์

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2527 - 13 พฤศจิกายน 2528 จากการแต่งตั้ง


พลตรีจำลอง ศรีเมือง

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2528 - 14 พฤศจิกายน 2532 จากการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2533 - 22 มกราคม 2535 จากการเลือกตั้ง


ร.อ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2535 - 18 เมษายน 2539 จากการเลือกตั้ง


นายพิจิตต รัตตกุล

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2539 - 1 มิถุนายน 2543 จากการเลือกตั้ง


นายสมัคร สุนทรเวช

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2543 - 22 กรกฎาคม 2547 จากการเลือกตั้ง


นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2547 - 28 สิงหาคม 2551 จากการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2551 - 19 พฤศจิกายน 2551 จากการเลือกตั้ง


ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2552 - 9 มกราคม 2556 จากการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2556 - 18 ตุลาคม 2559 จากการเลือกตั้ง


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 

มีคำสั่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จนถึจจุบัน




มีเรื่องมาเล่า ระหว่างเขากับเธอ

 



    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็ก 2 คน เป็นเพื่อนรักกันมาก เด็กชายเป็นคนขี้อาย เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยอมจะสุงสิงกับใคร ส่วนเด็กหญิงเป็นคนร่าเริงแจ่มใส ช่างพูดช่างคุย
อยู่มาวันหนึ่งเด็กหญิงชวนเด็กชายไปเดินเล่นในสวน ซึ่งมีผู้คนมากมาย เพื่อต้องการให้เด็กชายได้เปิดหูเปิดตา คะยั้นคะยออยู่นาน ในที่สุดเด็กชายก็ยอมไป ในขณะที่เดินเล่นกันอยู่ในสวนมีผู้คนมากมาย เด็กชายรู้สึกสนุกสนาน เขาวิ่งเล่นกับผู้คนเหล่านั้นเพลินจนลืมไปว่าเขามากับใคร เด็กหญิงได้แต่มองดูเด็กชาย.. ที่วิ่งห่างออกไปทุกที สุดท้ายเด็กหญิงก็หันหลังกลับ แล้วเดินจากไป ..

    เด็กชายรู้สึกดีที่มีเพื่อนใหม่มาห้อมล้อมให้ความสนใจเขา เขาเล่นกับเพื่อนใหม่อย่างสนุกสนาน
เย็นมากมากแล้ว เพื่อนใหม่ของเด็กชายต่างพากันทยอยกลับบ้านไปทีละคนสองคน เด็กชายยืนคว้างอยู่กลางสนามเพียงลำพัง เขานึกถึงเด็กหญิงขึ้นมา เดินตามหาคิดว่าเธอคงรอเขาอยู่แต่เขาก็หาเด็กหญิงไม่เจอ เขาเริ่มหงุดหงิดว่าทำไมเด็กหญิงถึงหนีกลับไปโดยที่ไม่รอเขา เขาเดินกลับบ้านเพียงลำพังด้วยความโมโห คิดอยู่ในใจว่า " คอยดูนะถ้าเจอหน้าจะต่อว่าเสียให้หนัก โทษฐานที่ไม่ยอมรอเรา "

    วันรุ่งขึ้น เด็กชายเฝ้าคอยเด็กหญิงอยู่หน้าบ้าน "นี่ก็สายมากแล้วนะ ทำไมเธอถึงยังไม่มาอีก " เด็กชายบ่นพึมพำในใจ เพราะปกติเด็กหญิงจะต้องเดินผ่านหน้าบ้านเขาทุกวันกับแม่ของเธอเพื่อไปซื้อของในตลาด แต่วันนี้ไม่มีแม้นแต่วี่แวว จนกระทั่งถึงบ่าย เด็กชายนึกถึงเพื่อนใหม่ในสวนขึ้นมา " ไปคนเดียวก็ได้ " เด็กชายบอกกับตัวเอง แล้วเดินไปสวนตามลำพัง.
ในสวน เด็กชายพบเพื่อนใหม่ๆ อีกเช่นเคย เขารู้สึกมีความสุขที่ได้พบเจอเพื่อนใหม่ทุกวัน เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง ขณะที่เด็กชายวิ่งเล่นอยู่นั้น เขาเกิดไปสดุดก้อนหินทำให้เขาล้มลง ขาของเขาถูกก้อนหินบาดจนเลือดไหล เขาร้องด้วยความเจ็บปวด เพื่อนใหม่ของเขาบางคนหันมาดู แต่ไม่มีใครที่จะยื่นมือมาพยุงเขา หรือแม้นเต่จะถามเขาว่าเจ็บไหม
เขาค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมานั่งที่เก้าอี้
เย็นมากแล้ว เพื่อนใหม่ของเขาทยอยกลับบ้านกันไปหมด เขายืนขึ้นแล้วค่อยๆ เดินกลับบ้านอย่างทุลักทุเล พลันเขาก็นึกถึงเด็กหญิงขึ้นมา นึกถึงเมื่อครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นแบบนี้ เด็กหญิงเฝ้าถามเจ็บไหม เจ็บไหม จนเขารำคาญ แล้วยังช่วยพยุงเขากลับบ้านอีกด้วย.
เขารู้สึกคิดถึงเด็กหญิงขึ้นมาจับใจ " ไว้รอให้แผลหายก่อน ถ้าเธอไม่มาฉันจะไปหาเธอที่บ้าน "

ผ่านไป 2 วันเด็กหญิงก็ยังไม่มาบ้านเขาเลย แม้แต่แม่ของเด็กหญิงที่เคยเดินผ่านหน้าบ้านเขาประจำก็ไม่มีมา เด็กชายนึกในใจแล้วเดินตรงไปที่บ้านของเธอ
เมื่อถึงบ้านเด็กหญิงเขารู้สึกแปลกใจ บ้านของเธอปิดเงียบ ต้นไม้ดอกไม้หน้าบ้านก็เหี่ยวแห้ง ไม่สวยสดเหมือนก่อน เขาจึงเดินไปถามคุณป้าข้างบ้านของเธอ " คุณป้าครับ คุณป้าไม่ทราบว่าบ้านนี้เขาไปไหนกันหมดหรือครับ " คุณป้าหันมามองแล้วตอบเขาว่า " ไม่รู้หรอกหรือ เขาย้ายบ้านไปต่างจังหวัดตั้งเกือบอาทิตย์แล้ว เห็นว่าจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ แน่ะ " เด็กชายขอบคุณคุณป้า แล้วเดินกลับบ้านด้วยความผิดหวัง
เขาผิดหวังที่เด็กหญิงไม่บอกเขาเลยว่าจะย้ายไป แต่เขากลับไม่รู้เลยว่า วันที่เด็กหญิงชวนเขาไปเที่ยวสวนนั้น เธอตั้งใจจะบอกเขา อยากชวนเขาไปเดินเล่นไปคุยกันเพื่อที่เมื่อเธอต้องจากไปอย่างน้อยก็ยังติดต่อกันได้บ้าง แต่วันนั้นเขากลับไม่สนใจเธอเลย เขากลับเล่นสนุกอยู่กับเพื่อนใหม่จนลืมเธอเสียสิ้น
เขาเดินถึงบ้านด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หวังแต่เพียงว่าสักวันเธอจะกลับมา หรือติดต่อมาหาเขาบ้างก็ยังดี.



นวล ย้ายออกมาจากบ้านหลังเก่าตามบิดาซึ่งเป็นครูเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ แม่ของนวลใช้เวลาว่างด้วยการเปิดร้านขายของ นวลเองก็เรียนต่อในโรงเรียนที่พ่อของเธอเป็นครู
นวลมีเพื่อนใหม่ทั้งชายและหญิงมากมาย รวมทั้นนนท์ และปรีชา เพื่อนชายที่คอยเป็นห่วงเป็นใยนวลในทุกๆ เรื่อง แต่นวลก็ไม่อาจลืมนัทเพื่อนเก่าของเธอได้
นนท์และปรีชา เป็นเด็กต่างจังหวัดซึ่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ทั้งสองคนอยู่หอพักใกล้ๆ กับบ้านของนวล ทั้งนนท์และปรีชาต่างแอบรักนวลอยู่ในใจ
ใกล้จบม.ปลายแล้ว ทั้งนนท์และปรีชาได้สารภาพรักกับนวล แต่นวลก็ไม่อาจตอบรักกับทั้งสองคนได้ นวลรู้สึกสงสารและเห็นใจ แต่ถ้านวลตอบรับรักใครไปสักคน อีกคนก็ต้องเสียใจ ซึ่งนวลไม่อาจทำเช่นนั้นได้
จนกระทั่งวันที่ทั้งสองต้องย้ายกลับไปต่างจังหวัด นวลบอกกับทั้งนนท์และปรีชาว่า นวลจะรอเขาทั้งสองคนอยู่ที่นี่ อีก 1 ปีข้างหน้าถ้าใครรอนวลได้โดยที่ไม่มีคนอื่น ก็ให้มาหานวลที่บ้านแห่งนี้ ในระหว่างที่รอนวลจะไม่ติดต่อใครทั้งสิ้น ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจ
ทั้งนนท์และปรีชารับคำแล้วก็จากไป

นวลเรียนจบแล้ว เธอเป็นครูสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนข้างบ้านที่เดียวกับที่พ่อของเธอสอนอยู่ ผ่านไป 2 ปีกว่าแล้ว ทั้งนนท์และปรีชาไม่กลับมาที่นี่อีกเลย นวลได้ข่าวล่าสุดจากเพื่อนนักเรียนด้วยกันว่า นนท์แต่งงานแล้วกับเพื่อนทำงานที่เดียวกัน ส่วนปรีชาได้ภรรยาเป็นลูกสาวนายตำรวจซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับที่ทำงานของเขา
นวลไม่รู้สึกผิดหวังหรือเสียใจอะไรกับข่าวที่ได้รับ นวลกลับคิดว่าดีแล้วที่นวลไม่ได้รับรักใครสักคนในวันนั้น นวลปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของทั้งนนท์และปรีชาที่มีต่อนวล
ซึ่งตอนนี้นวลได้คำตอบแล้วว่า ..
การที่ใครสักคนจะมีความรักต่อกัน ถ้าแม้วันใดวันหนึ่งที่ต้องห่างกันไป ถ้าความรักนั้นมั่นคงเขาจะไม่เปลี่ยนไปหรือมีคนใดคนหนึ่งแทรกเข้ามา แต่ถ้ามี ก็แสดงว่าความรักนั้นเป็นรักที่ไม่มั่นคงอีกต่อไป

*****************************************



เนื้อเพลง