วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564

มีเรื่องมาเล่า ระหว่างเขากับเธอ

 



    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็ก 2 คน เป็นเพื่อนรักกันมาก เด็กชายเป็นคนขี้อาย เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยอมจะสุงสิงกับใคร ส่วนเด็กหญิงเป็นคนร่าเริงแจ่มใส ช่างพูดช่างคุย
อยู่มาวันหนึ่งเด็กหญิงชวนเด็กชายไปเดินเล่นในสวน ซึ่งมีผู้คนมากมาย เพื่อต้องการให้เด็กชายได้เปิดหูเปิดตา คะยั้นคะยออยู่นาน ในที่สุดเด็กชายก็ยอมไป ในขณะที่เดินเล่นกันอยู่ในสวนมีผู้คนมากมาย เด็กชายรู้สึกสนุกสนาน เขาวิ่งเล่นกับผู้คนเหล่านั้นเพลินจนลืมไปว่าเขามากับใคร เด็กหญิงได้แต่มองดูเด็กชาย.. ที่วิ่งห่างออกไปทุกที สุดท้ายเด็กหญิงก็หันหลังกลับ แล้วเดินจากไป ..

    เด็กชายรู้สึกดีที่มีเพื่อนใหม่มาห้อมล้อมให้ความสนใจเขา เขาเล่นกับเพื่อนใหม่อย่างสนุกสนาน
เย็นมากมากแล้ว เพื่อนใหม่ของเด็กชายต่างพากันทยอยกลับบ้านไปทีละคนสองคน เด็กชายยืนคว้างอยู่กลางสนามเพียงลำพัง เขานึกถึงเด็กหญิงขึ้นมา เดินตามหาคิดว่าเธอคงรอเขาอยู่แต่เขาก็หาเด็กหญิงไม่เจอ เขาเริ่มหงุดหงิดว่าทำไมเด็กหญิงถึงหนีกลับไปโดยที่ไม่รอเขา เขาเดินกลับบ้านเพียงลำพังด้วยความโมโห คิดอยู่ในใจว่า " คอยดูนะถ้าเจอหน้าจะต่อว่าเสียให้หนัก โทษฐานที่ไม่ยอมรอเรา "

    วันรุ่งขึ้น เด็กชายเฝ้าคอยเด็กหญิงอยู่หน้าบ้าน "นี่ก็สายมากแล้วนะ ทำไมเธอถึงยังไม่มาอีก " เด็กชายบ่นพึมพำในใจ เพราะปกติเด็กหญิงจะต้องเดินผ่านหน้าบ้านเขาทุกวันกับแม่ของเธอเพื่อไปซื้อของในตลาด แต่วันนี้ไม่มีแม้นแต่วี่แวว จนกระทั่งถึงบ่าย เด็กชายนึกถึงเพื่อนใหม่ในสวนขึ้นมา " ไปคนเดียวก็ได้ " เด็กชายบอกกับตัวเอง แล้วเดินไปสวนตามลำพัง.
ในสวน เด็กชายพบเพื่อนใหม่ๆ อีกเช่นเคย เขารู้สึกมีความสุขที่ได้พบเจอเพื่อนใหม่ทุกวัน เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง ขณะที่เด็กชายวิ่งเล่นอยู่นั้น เขาเกิดไปสดุดก้อนหินทำให้เขาล้มลง ขาของเขาถูกก้อนหินบาดจนเลือดไหล เขาร้องด้วยความเจ็บปวด เพื่อนใหม่ของเขาบางคนหันมาดู แต่ไม่มีใครที่จะยื่นมือมาพยุงเขา หรือแม้นเต่จะถามเขาว่าเจ็บไหม
เขาค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมานั่งที่เก้าอี้
เย็นมากแล้ว เพื่อนใหม่ของเขาทยอยกลับบ้านกันไปหมด เขายืนขึ้นแล้วค่อยๆ เดินกลับบ้านอย่างทุลักทุเล พลันเขาก็นึกถึงเด็กหญิงขึ้นมา นึกถึงเมื่อครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นแบบนี้ เด็กหญิงเฝ้าถามเจ็บไหม เจ็บไหม จนเขารำคาญ แล้วยังช่วยพยุงเขากลับบ้านอีกด้วย.
เขารู้สึกคิดถึงเด็กหญิงขึ้นมาจับใจ " ไว้รอให้แผลหายก่อน ถ้าเธอไม่มาฉันจะไปหาเธอที่บ้าน "

ผ่านไป 2 วันเด็กหญิงก็ยังไม่มาบ้านเขาเลย แม้แต่แม่ของเด็กหญิงที่เคยเดินผ่านหน้าบ้านเขาประจำก็ไม่มีมา เด็กชายนึกในใจแล้วเดินตรงไปที่บ้านของเธอ
เมื่อถึงบ้านเด็กหญิงเขารู้สึกแปลกใจ บ้านของเธอปิดเงียบ ต้นไม้ดอกไม้หน้าบ้านก็เหี่ยวแห้ง ไม่สวยสดเหมือนก่อน เขาจึงเดินไปถามคุณป้าข้างบ้านของเธอ " คุณป้าครับ คุณป้าไม่ทราบว่าบ้านนี้เขาไปไหนกันหมดหรือครับ " คุณป้าหันมามองแล้วตอบเขาว่า " ไม่รู้หรอกหรือ เขาย้ายบ้านไปต่างจังหวัดตั้งเกือบอาทิตย์แล้ว เห็นว่าจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ แน่ะ " เด็กชายขอบคุณคุณป้า แล้วเดินกลับบ้านด้วยความผิดหวัง
เขาผิดหวังที่เด็กหญิงไม่บอกเขาเลยว่าจะย้ายไป แต่เขากลับไม่รู้เลยว่า วันที่เด็กหญิงชวนเขาไปเที่ยวสวนนั้น เธอตั้งใจจะบอกเขา อยากชวนเขาไปเดินเล่นไปคุยกันเพื่อที่เมื่อเธอต้องจากไปอย่างน้อยก็ยังติดต่อกันได้บ้าง แต่วันนั้นเขากลับไม่สนใจเธอเลย เขากลับเล่นสนุกอยู่กับเพื่อนใหม่จนลืมเธอเสียสิ้น
เขาเดินถึงบ้านด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หวังแต่เพียงว่าสักวันเธอจะกลับมา หรือติดต่อมาหาเขาบ้างก็ยังดี.



นวล ย้ายออกมาจากบ้านหลังเก่าตามบิดาซึ่งเป็นครูเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ แม่ของนวลใช้เวลาว่างด้วยการเปิดร้านขายของ นวลเองก็เรียนต่อในโรงเรียนที่พ่อของเธอเป็นครู
นวลมีเพื่อนใหม่ทั้งชายและหญิงมากมาย รวมทั้นนนท์ และปรีชา เพื่อนชายที่คอยเป็นห่วงเป็นใยนวลในทุกๆ เรื่อง แต่นวลก็ไม่อาจลืมนัทเพื่อนเก่าของเธอได้
นนท์และปรีชา เป็นเด็กต่างจังหวัดซึ่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ทั้งสองคนอยู่หอพักใกล้ๆ กับบ้านของนวล ทั้งนนท์และปรีชาต่างแอบรักนวลอยู่ในใจ
ใกล้จบม.ปลายแล้ว ทั้งนนท์และปรีชาได้สารภาพรักกับนวล แต่นวลก็ไม่อาจตอบรักกับทั้งสองคนได้ นวลรู้สึกสงสารและเห็นใจ แต่ถ้านวลตอบรับรักใครไปสักคน อีกคนก็ต้องเสียใจ ซึ่งนวลไม่อาจทำเช่นนั้นได้
จนกระทั่งวันที่ทั้งสองต้องย้ายกลับไปต่างจังหวัด นวลบอกกับทั้งนนท์และปรีชาว่า นวลจะรอเขาทั้งสองคนอยู่ที่นี่ อีก 1 ปีข้างหน้าถ้าใครรอนวลได้โดยที่ไม่มีคนอื่น ก็ให้มาหานวลที่บ้านแห่งนี้ ในระหว่างที่รอนวลจะไม่ติดต่อใครทั้งสิ้น ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจ
ทั้งนนท์และปรีชารับคำแล้วก็จากไป

นวลเรียนจบแล้ว เธอเป็นครูสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนข้างบ้านที่เดียวกับที่พ่อของเธอสอนอยู่ ผ่านไป 2 ปีกว่าแล้ว ทั้งนนท์และปรีชาไม่กลับมาที่นี่อีกเลย นวลได้ข่าวล่าสุดจากเพื่อนนักเรียนด้วยกันว่า นนท์แต่งงานแล้วกับเพื่อนทำงานที่เดียวกัน ส่วนปรีชาได้ภรรยาเป็นลูกสาวนายตำรวจซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับที่ทำงานของเขา
นวลไม่รู้สึกผิดหวังหรือเสียใจอะไรกับข่าวที่ได้รับ นวลกลับคิดว่าดีแล้วที่นวลไม่ได้รับรักใครสักคนในวันนั้น นวลปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของทั้งนนท์และปรีชาที่มีต่อนวล
ซึ่งตอนนี้นวลได้คำตอบแล้วว่า ..
การที่ใครสักคนจะมีความรักต่อกัน ถ้าแม้วันใดวันหนึ่งที่ต้องห่างกันไป ถ้าความรักนั้นมั่นคงเขาจะไม่เปลี่ยนไปหรือมีคนใดคนหนึ่งแทรกเข้ามา แต่ถ้ามี ก็แสดงว่าความรักนั้นเป็นรักที่ไม่มั่นคงอีกต่อไป

*****************************************



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื้อเพลง