วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2566
คำขวัญวันแม่แห่งชาติ พ.ศ.2566
วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2566
วันพุธที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2566
มลฤดี ยมาภัย
มนฤดี ยมาภัย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2505 มีชื่อแรกเกิดคือ "มนฤดี ยามภัย" ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "มนฤดี ยมาภัย" ในภายหลัง
ด้วยรูปลักษณ์ความงามแบบไทยและดวงตาที่แฝงไปด้วยแววโศก ทำให้เธอโดดเด่นในบทนางเอกเรียบร้อย เศร้าโศกชวนน่าเห็นใจ การแสดงที่โดดเด่นที่สุดของคุณตุ๋ยคือการแสดงบทโศก ยามใดที่ดวงตากลมโตอันเต็มไปด้วยแววโศกต้องมีน้ำตา เมื่อความเศร้าที่ส่งออกมาจากนัยน์ตาของเธอผสานเป็นหนึ่งเดียวกับความรู้สึกของผู้ชม เมื่อนั้นผู้ชมแทบทุกคนต้องเป็นอดเสียน้ำตามิได้
แม้เธอจะไม่ใช่นักแสดงที่สวยจัดและมีฝีมือการแสดงฉกาจจัดจ้าน แต่เธอก็เป็นนักแสดงที่มีเอกลักษณ์ พร้อมด้วยเสน่ห์ที่มัดใจมหาชนอันเป็นคุณสมบัติที่นักแสดงบทนำพึงมี
พ.ศ. 2531 คุณตุ๋ยได้ทิ้งทวนการแสดงกับทางดาราวิดีโอเรื่อง "สวรรค์เบี่ยง" แสดงคู่กับคุณยุรนันท์ ภมรมนตรี ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ก่อนที่ในปีต่อมาเธอได้เข้าเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 3
หลังจากที่เธอเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 3 พ.ศ. 2532 คุณตุ๋ยได้มีโอกาสร่วมงานแสดงกับ คุณพิศาล อัครเศรณี เป็นครั้งแรกในผลงานละครเรื่อง "มนต์รักอสูร" และละครโทรทัศน์ของค่ายเอทีวีร่วมกับพระเอก คุณทูน หิรัญทรัพย์ เรื่อง "มัจจุราชฮอลิเดย์"
ช่วงที่เธอเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 3 ผลงานละครที่ออกมาส่วนใหญ่ไม่เป็นที่โดดเด่นหรือพูดถึงนัก กระทั่งเมื่อทางช่อง 3 ได้นำ "สี่แผ่นดิน" บทประพันธ์อมตะคลาสสิคตลอดกาลของหม่อมคึกฤทธิ์ ปราโมช มาดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์อีกครั้ง โดยได้มีการวางตัวให้คุณตุ๋ยรับบทเป็นแม่พลอย แต่เกิดการเปลี่ยนตัวนักแสดง เป็นคุณจินตหรา สุขพัฒน์ ทำให้เธอจึงตัดสินใจกลับมารับงานแสดงทางช่อง 7 อีกครั้ง
พ.ศ. 2535 คุณตุ๋ยกลับมามีผลงานกับทางช่อง 7 อีกครั้งในละครเรื่อง "นางทิพย์" ประกบคู่กับพระเอกคุณบดินทร์ ดุ๊ก พร้อมด้วยละครหลังข่าวภาคค่ำเรื่อง "พรพรหมอลเวง" คู่กับคุณธานินทร์ ทัพมงคล และผลงานละครสั้นจบในตอน "เหตุเกิดที่สน." ในตอนพิเศษวันสงกรานต์ ร่วมกับคุณจารุณี สุขสวัสดิ์
นอกจากจะเป็นการกลับมาเล่นละครทางช่อง 7 อีกครั้งแล้ว ในปีนี้เธอยังได้พลิกบทบาทมาเล่นบทร้ายครั้งแรกในละครแนววิญญาณ ลึกลับเรื่อง "ภาพอาถรรพ์" พบกับ 2 นักแสดงนำคุณลิขิต เอกมงคล และคุณชฎาพร รัตนากร แม้จะเป็นผลงานการพลิกมาเล่นร้าย แต่บทร้ายที่เธอได้รับก็เป็นบทร้ายที่ถือว่าเป็นตัวนำของเรื่อง เป็นบทที่ไม่ร้ายอย่างโจ่งแจ้งประเจิดประเจ้อ แต่เป็นบทร้ายในทำนองร้ายลึก ซึ่งคุณตุ๋ยก็สามารถถ่ายทอดบทบาทการแสดงบทร้ายในเรื่องนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี
หลังนางทาสฉายก็เกิดกระแสตอบรับโด่งดังเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในระดับเทียบเคียงกับละครดาวพระศุกร์ที่เธอเคยแสดงเอาไว้จนเป็นปรากฏการณ์เมื่อ 13 ปีก่อน
จากการแสดงระดับตีบทแตกกระจุยของเธอทำให้ในปีนั้นคุณตุ๋ยสามารถคว้ารางวัลเมขลา ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมไปครองได้สำเร็จ บทบาทการแสดงอันยอดเยี่ยมในเรื่องนางทาสของเธอได้กลายเป็นสุดยอดภาพจำ และตัวเธอเองก็กลายเป็นสุดยอดภาพจำของละครเรื่องนางทาสเช่นกัน
พ.ศ. 2538 คุณตุ๋ยได้มีผลงานการแสดงอย่างจริงจังเป็นเรื่องสุดท้ายในผลงานละครเรื่อง "ปราสาทสีขาว" ร่วมกับ คุณอรรถชัย อนันตเมฆ ก่อนที่เธอจะห่างหายจากการแสดง โดยมีผลงานการแสดงในบทรับเชิญเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อย่างเช่น "ภูติคนอลเวง" ละครในปี พ.ศ. 2540 และละครพิเศษเนื่องในวันพ่อ เรื่อง "รักของฟ้า" ในปี พ.ศ. 2544
จากนั้นคุณตุ๋นจึงได้รังสรรค์ผลงานละครโทรทัศน์ตามมาอีกหลายเรื่อง ได้แก่ "คุณปู่ซู่ซ่า คุณย่าเซ็กซี่", "พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ" ในปี พ.ศ. 2542 และละครเรื่อง "มัสยา" ในปี พ.ศ. 2543 ปีต่อมา พ.ศ. 2544 กับผลงานละครเรื่อง "กำนันหญิง" และผลงานละครเรื่อง "แม่แตงร่มใบ" "รักข้ามคลอง" ในปี พ.ศ. 2545 และปี พ.ศ. 2547 ตามลำดับ
วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
ทูล ทองใจ
ทูล ทองใจ (1 มีนาคม พ.ศ. 2472 - 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538) มีชื่อจริงว่า น้อย ทองใจ เป็นนักร้องเพลงไทยสากลชายชาวไทย ผู้ที่ได้รับฉายาในวงการว่า "เจ้าชายแห่งรัตติกาล,เทพบุตรเสียงกังสดาล,นักร้องเสียงดุเหว่าแว่ว,สุภาพบุรุษลูกทุ่ง"
ทูล ทองใจ เดิมชื่อ น้อย ทองใจ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2472 ที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ภายหลังครอบครัวของเขาได้ย้ายไปอยู่ที่อำเภอแม่กลอง พ่อของเขาเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ใช้สกุล "แซ่กิม" ต่อมาพ่อของเขาได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น "ทองใจ" ส่วนแม่ของเขามีชื่อว่า "นิ่ม ทองใจ" ทูลเป็นลูกคนที่ 3 ในบรรดาลูกทั้ง 4 คน
เวลาต่อมาพ่อของเขาได้เสียชีวิตตั้งแต่ทูลและพี่น้องของเขายังเล็ก ส่วนแม่ของเขาจึงได้สมรสใหม่และได้ย้ายไปอยู่ที่ตำบลมหาชัย และมีลูกด้วยกันอีก 1 คนเป็นผู้หญิง ทูลได้ช่วยเลี้ยงน้อง, ช่วยแม่ขายของ และหาบน้ำขาย
ทูลจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 เขาชื่นชอบการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ต่อมาเขาขึ้นเวทีร้องเพลงประกวดครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี เพลงที่ชื่นชอบเป็นพิเศษในช่วงนั้นคือ "ค่ำแล้วในฤดูหนาว" ของครูล้วน ควันธรรม และเพลง "หยาดฟ้ามาดิน" ของครูสมยศ ทัศนพันธ์ เขาไปประกวดที่เวทีไหน เขาจะนำ 2 เพลงนี้ขึ้นไปร้องประกวดเสมอและชนะเลิศทุกครั้ง
ในขณะที่อายุได้ 19 ปี เขาได้รับเกียรติจากผู้ใหญ่ให้เป็นกรรมการตัดสินการประกวดร้อง นับเป็นกรรมการที่มีอายุน้อยที่สุด ทำให้เขาภูมิใจไม่เคยลืม หลังจากนั้นครูชาญชัย บังบังศร แนะนำให้ไปร้องเพลงอยู่ที่ห้องอาหารจังหวัดภูเก็ต ทนลำบากอยู่หลายปีเหมือนกัน จึงหวนกลับกรุงเทพฯ อีกครั้งหนึ่ง
ความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักร้องอาชีพเริ่มเป็นจริง เมื่อได้เข้ารับราชการเป็นทหาร สังกัด ขส.ทบ. ความสามารถในการร้องเพลง ทำให้เขาได้เป็นนักร้องประจำวง “ลูกมาตุลี” ซึ่งเป็นวงดนตรีชื่อดังของกรมการขนส่งทหารบกในสมัยนั้น และได้รับยศทางทหารเป็นสิบตรี
เมื่อออกจากวง “ลูกมาตุลี” ของ ขส.ทบ. ขณะนั้นมียศสิบเอก ครูสิทธิ์ โมรกรานต์ นำไปพบกับครู “เบญจมินทร์” ครูเบญจมินทร์แต่งเพลงแรกให้ร้องบันทึกเสียง เมื่อปี พ.ศ.2499 ในเพลง “ทุยหน้าทื่อ” ต่อมาในปี พ.ศ.2500 หลังจากครูเบญจมินทร์เดินทางกลับจากประเทศเกาหลี ก็นำเพลงมาให้ครูรูมงคล อมาตยกุล เรียบเรียงเสียงประสาน จำนวน 4 เพลง มีเพลง “รำเต้ย” “รักแท้จากหนุ่มไทย” ครูร้องเอง “เสียงครวญจากเกาหลี” สมศรี ม่วงศรเขียว ขับร้อง และเพลง “โปรดเถิดดวงใจ” ให้ ทูล ทองใจ ขับร้อง ปรากฏว่าเพลง “โปรดเถิดดวงใจ” ดังมาก ทำให้ชื่อของทูลเกิดขึ้นในวงการเพลง
เมื่อออกจากวง “จุฬารัตน์” ก็ร่วมกับภรรยา “นวลสวาท ชื่นชมบุญ” ตั้งวงดนตรีเป็นของตนเอง เมื่อปี พ.ศ.2511 พอมาถึงปี
กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. “น้าออน” ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงทูลอาเจียนโอ้กอ้าก กับทั้งขับอุจจาระปัสสาวะออกมาโดยไม่รู้ตัว “น้าออน” จึงหายาให้ดม และเช็ดเนื้อตัวที่เปื้อนจนสะอาด พบว่าทูลขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ ร่างกายซีกซ้ายชา จึงตัดสินใจเรียกตำรวจ 5 – 6 นาย ช่วยนำส่งโรงพยาบาลวชิระ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดีใจหาย ใช้รถตำรวจเปิด “ไซเรน” รีบบึ่งนำร่างของทูล ทองใจ ส่งถึงโรงพยาลเพียงไม่กี่นาที แพทย์และพยาบาลนำร่างของทูลเข้าห้องฉุกเฉิน พยายามช่วยชีวิตเต็มที่
ทูล ทองใจ สมรสกับ นางนวลสวาท ชื่นชมบุญ มีบุตร 3 คน คนโตชื่อ พิณนภา ทองใจ (แหม่ม) คนที่ 2 ชื่อนวลน้อย ทองใจ (เจี๊ยบ) คนที่ 3 เป็นผู้ชาย ชื่อ อำนาจ ทองใจ (อยู่ต่างประเทศ)
1. แผ่นเสียงทองคำพระราชทาน จากงานประกวดชิงชนะเลิศแผ่นเสียงทองคำพระราชทานครั้งที่ 2 เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2509 ในเพลง “รักใครไม่เท่าน้อง” ผลงานของครู พยงค์ มุกดา
2. แผ่นเสียงทองคำพระราชทาน จากงานประกวดชิงชนะเลิศแผ่นเสียงทองคำพระราชทานครั้งที่ 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2514 ในเพลง “นางรอง” ผลงานของครู พยงค์ มุกดา
3. แผ่นเสียงทองคำพระราชทาน จากงานประกวดแผ่นเสียงทองคำ ปี พ.ศ.2522 ในเพลงความหลังฝังใจ” คำร้อง “อิงอร” ทำนอง- ดนตรี-เรียบเรียงเสียงประสานโดยครูมงคล อมาตยกุล
วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
ยอดรัก สลักใจ
ยอดรัก สลักใจ (ชื่อเล่น แอ๊ว) หรือชื่อจริง สิบตำรวจโท นิพนธ์ ไพรวัลย์ (6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499 — 9 สิงหาคม พ.ศ. 2551) เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในเมืองไทยเป็นที่รู้จักในนาม "พระเอกลูกทุ่งไทยตลอดกาล" มีผลงานที่สร้างชื่อหลากหลายเพลง เพลงที่รู้จักกันดี ได่แก่ "30 ยังแจ๋ว"
แอ๊ว"ยอดรัก สลักใจ" มีชื่อจริงว่า "ส.ต.ต.นายนิพนธ์ ไพรวัลย์" เกิดเมื่อวันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2499 ที่ต.งิ้วราย อ.ตะพานหิน จ. พิจิตร เป็นบุตรของนายบุญธรรม ไพรวัลย์กับนางบ่าย ไพรวัลย์มีพี่น้องรวม 8 คน ชาย 7 คน หญิง 1 คน"แอ๊ว"เป็นคนสุดท้องจบการศึกษาชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านหาดแตง ด.ช. นิพนธ์มีความใฝ่ฝันตอนเป็นเด็นว่าอยากเป็นหมอรักษาคนไข้ แต่เพราะฐานะทางบ้านไม่มีเงินส่งเสียค่าเล่าเรียนให้จึงจำเป็นต้องลาออก ต่อมาก็มีคณะรำวงคณะ"เกตุน้อยวัฒนา"มาเล่นที่จังหวัดพิจิตร แอ๊วจึงไปสมัครร้องเพลงและเชียร์รำวง หลังเลิกก็จะได้เงินครั้งละ 5-10บาท ต่อมาได้ผันตัวเองเข้ามาร้องเพลงในห้องอาหารย่าน ตาคลี จ.นครสวรรค์ โดยได้ใช้เพลง"ไพรวัลย์ ลูกเพชร,ชาย เมืองสิงห์,สุรพล สมบัติเจริญ,ไวพจน์ เพชรสุพรรณ แล้ววันหนึ่ง เด็ดดวง ดอกรัก นักจัดรายการดังสถานีวิทยุ ท.อ.04 ตาคลี ฟังเพลงที่ห้องอาหารและฟังเพลงใต้เงาโศกของไพรวัลย์ ลูกเพชรที่แอ๊วร้อง เกิดความประทับ เด็ดดวง ดอกรักจึงได้พูดคุยและชักชวนเข้าสู่วงการ ตั้งชื่อให้ว่า ยอดรักลูกพิจิตรและได้บันทึกแผ่นเสียง7 เพลงที่อาจารย์ชลธี ธารทองเป็นผู้แต่งประกอบด้วยสงกรานต์บ้านทุ่ง,น้ำสังข์ น้ำตา,เต่ามองดวงจันทร์,คนบ้านนอก,จากใต้ถึงอีสาน,รักสาวมอญ,รักสาวไกลบ้าน
แต่ก่อนจะบันทึกแผ่นเสียงเด็ดดวงดอกรักนำยอดรัก ลูกพิจิตรมาฝากกับอาจารย์ชลธี ธารทอง ยอดรักอยู่เลี้ยงลูกให้อาจารย์ชลธี ธารทองมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี อาจารย์ชลธีก็หาแนวทางว่ายอดรักจะไปแนวไหนดี เพราะช่วงนั้น สายัณห์ สัญญา ดังเป็นพลุแตกในเพลงลูกสาวผู้การ,รักเธอเท่าฟ้า จึงคิดแนวทางให้ยอดรักฉีกไปอีกแบบหนึ่งกระทั่งวันหนึ่งเกิดสงครามทางชายแดนขึ้น ในปีพ.ศ.2518 เหล่าทหารที่รอดตายจากสงครามก็ได้มาออกโทรทัศน์ว่า คนที่อยู่แนวหน้าลำบากมากเหลือเกิน อยากให้แนวหลังช่วยส่งกำลังใจไปช่วยบ้าง อาจารย์ชลธีธารทอง จึงแต่งเพลง จดหมายจากแนวหน้าให้ยอดรักได้ร้องในปลายปี2518 และตอนบันทึกแผ่นเสียงเพลงจดหมายจากแนวหน้า อาจารย์ชวนชัย ฉิมพะวงศ์เปลี่ยนนามสกุลจากยอดรัก ลูกพิจิตร มาเป็น"ยอดรัก สลักใจ" โดยอาจารย์ชวนชัยให้เหตุผลไว้ว่า ชื่อยอดรักนั้นเพราะอยู่แล้วมีความหมายที่ดีเป็นที่รักของทุก ๆ คน และเมื่อมียอดรักแล้ว เราก็ต้องสลักไว้ในใจแฟนเพลง จึงเป็นที่มาของชื่อ ยอดรัก สลักใจวันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
ทำไมญี่ปุ่นไม่มีทหาร
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามต่อสหรัฐอเมริกา ทำให้สหรัฐเข้ามาควบคุมกำลังทหารของญี่ปุ่น และทำให้ญี่ปุ่นต้องร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยมีข้อห้ามว่า ไม่อนุญาตให้ญี่ปุ่นทำสงครามกับประเทศใดๆเลยเว้นแต่กระทำเพื่อป้องกันประเทศตนเองเท่านั้น ที่สำคัญคือไม่มีศาลทหารและกระทรวงกลาโหม
บุคคลที่เข้ามาทำงานในกองกำลังป้องตนเองพวกเขาจะเรียกตนเองว่าเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเอง ซึ่งทั้งหมดเป็นพลเรือนมิใช่ทหาร ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะจัดตั้งกระทรวงกลาโหมขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2550 แต่ว่าก็ยังคงชื่อไว้ว่า กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น
ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ครม.ญี่ปุ่นได้ตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นใหม่ โดยญี่ปุ่นมีสิทธิส่งกำลังทหารไปร่วมรบเพื่อปกป้องชาติพันธมิตร
โครงสร้าง
กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 自衛隊 じえいたい Jieitai, จิเอไต) หรือ JSDF บางครั้งเรียกว่า JSF หรือ SDF เป็นบุคลากรจากประเทศญี่ปุ่นที่ถูกจัดตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงเพื่อแทนที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ถูกยุบ และฝ่ายสัมพันธมิตรยึดครองญี่ปุ่น ในเวลาหลังสงคราม กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นถูกใช้งานในเฉพาะภายในประเทศมีหน้าที่ในการป้องกันประเทศอธิปไตยชาติเพียงอย่างเดียวและไม่ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ยกเว้นในสถานการณ์ที่เป็นการป้องกันตนเองในขอบเขตที่จำกัดเท่านั้น แม้อาจมีภารกิจในต่างประเทศในปฏิบัติการรักษาสันติภาพ แต่ล่าสุดในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ครม.ญี่ปุ่นได้ตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นใหม่สรุปได้ว่า กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นจะสามารถส่งทหารไปปฏิบัติภารกิจการป้องกันตนเองร่วมได้(Collectvie-Self Defence) ตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อปกป้องชาติหนึ่งจากการถูกรุกราน โดยญี่ปุ่นจะสามารถไปช่วยเหลือชาติพันธมิตรใกล้ชิดที่ถูกโจมตีได้ หากการโจมตีนั้นเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของญี่ปุ่นและไม่มีวิธีอื่นในการปกป้องชีวิตชาวญี่ปุ่น
ในด้านการพัฒนาอาวุธ ในรธน.ญี่ปุ่นถูกกำหนดห้ามพัฒนาอาวุธในเชิงรุก ส่วนในด้านการห้ามส่งออกอาวุธนั้น แม้ญี่ปุ่นจะเป็นผู้กำหนดขึ้นเองเมื่อปีพ.ศ. 2510 แต่ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557 ญี่ปุ่นได้ผ่อนคลายกฎห้ามส่งออกอาวุธ โดยสามารถส่งออกอาวุธและมีส่วนร่วมในการผลิตอาวุธกับนานาชาติได้ แต่ญี่ปุ่นจะไม่ส่งออกอาวุธให้แก่ประเทศที่ตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง หรืออาจเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของนานาชาติ นอกจากนี้ การจำหน่ายอาวุธก็จะต้องเป็นไปเพื่อส่งเสริมสันติภาพสากลคือต้องเป็นยุทโธปกรณ์ที่ไม่ใช่เพื่อสังหาร และเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของญี่ปุ่นเอง
ส่วนในด้านการสนันสนุนกองกำลังต่างชาติ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศแก้ไขกฎบัตรว่าด้วยการสนับสนุนต่างชาติ โดยสามารถมอบทุนสนับสนุนภารกิจของกองกำลังต่างชาติที่มิใช่การสู้รบ
มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองกำลังป้องกันตนเอง และในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2550 ก็ได้มีการจัดตั้งกระทรวงกลาโหมครั้งแรกหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
งบประมาณกลาโหมญี่ปุ่น ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 7ของโลก 4.98 ล้านล้านเยน (ราว 1.39 ล้านล้านบาท)
กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น JSDF มีจำนวนบุคลากรในปี ค.ศ. 2005 มีจำนวน 239,430 นาย แบ่งเบ็น
- กองกำลังป้องกันตนเองทางบกจำนวน 147,737 นาย
- กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลจำนวน 44,327 นาย
- กองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศจำนวน 45,517 นาย
เนื้อเพลง
-
สุภาษิตพระร่วง ผู้แต่ง : สันนิษฐานกันว่าพ่อขุนรามคำแหงเป็นผู้พระราชนิพนธ์ ที่มา : ตำราประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ ฉบับหอสม...
-
ตรวจสอบสถานะ เช็กสิทธิลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ผู้ที่ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 9-15 กันยายน 2565 / ประกาศผล 23 กันยายน 2565 ผู้ที่ลงท...
-
ปล่อยความคิดถึง ปลิวไปในอากาศ ล่องลอยหัวใจสะอาด ปล่อยไปแสนไกล กรุ่นกลิ่นบุหงา พัดมาด้วยรักจากใจ เพียงหวังให้ถึงใคร คนที่รอคนนั้น ส่ง...
-
จันทร์ กระจ่าง ฟ้า นภา ประดับ ด้วยดาว โลก สวย ราว เนรมิตร ประมวล เมืองแมน ลม โชย กลิ่น มาลา กระจาย ดินแดน เรียม นี้ แสน คะนึง ถึงน้อง...
-
งาม พิศยิ่งงามกินใจ หาใครยากเหมือน ร้อน เสน่ห์แรงจริงบังอร เร่าร้อนเหลือเกิน หลงไหลในตัวเจ้า หลงเอาไปฝันเพลิน ม่าย เธอเป็นแม่ม่ายรูปสวย ...
-
อันความลำเค็ญที่เป็นท่าน้ำ คิดดูก็กรรมสุดชอกช้ำจำใจทน ต้องรอสนองรับรองผู้คน ให้ข้ามพ้นทางธารา บ่ายเย็นค่ำเช้าเขามาพึ่งเรา ก็ยามเขารอนา...
-
รำพึงความหลังที่ยังคิดถึงเจ้า ดวงใจมีรอยร้าวหลายคราวพี่ผวา เคยรักเคยปองเพียรจ้องไขว่คว้า แม้กาลจะเนิ่นนานมา แต่สุดาฝังดวงมาลย์ นัยน์ตาคมซึ้...
-
ผลงานสุนทรภู่ ประเภทนิราศมี 9 เรื่อง 1. นิราศเมืองแกลง 2350 2. นิราศพระบาท 2350 3. นิราศภูเขาทอง 2371 4. นิราศเมืองเพชร 2371-2374 5. นิราศ...
-
แหงนมองเมฆฝนบนฟ้า ครึ้มดำคล้ำมา ฝนฟ้าก็มืดมัวมน หัวใจคนหนุ่ม มันกลุ้มจนเหลือจะทน เหมือนฝนฟ้าเบื้องบน พยับพะโยมเพราะลมเปลี่ยนผัน ...
-
หอมเอยดอกบัวยั่วอารมณ์ พลิ้วตามสายลมชื่นชมยามเจ้าขึ้นเคล้าลมเล่น พลิ้วก้านใบไสวดอกพราวแลขาวเด่น โน้มเอนชูช่อเบิกบาน ...