มนฤดี ยมาภัย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2505 มีชื่อแรกเกิดคือ "มนฤดี ยามภัย" ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "มนฤดี ยมาภัย" ในภายหลัง
ชื่อเล่น "ตุ๋ย" มีพี่น้อง 4 คน หญิง 3 คน ชาย 1 คน เป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณผุสดี สังวริบุตร ภรรยาของคุณไพรัช สังวริบัตรผู้บริหารบริษัทดาราฟิล์ม (ชื่อของดาราวิดีโอในขณะนั้น) จบการศึกษาจากพาณิชยการพระนคร
คุณตุ๋ยเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่วัยเยาว์ โดยรับบทเป็นนางเอกหรือบทเด็กในละครจักรๆ วงศ์ๆ ของดาราฟิล์ม แต่มารดาของคุณตุ๋ยต้องการให้เธอเน้นเรื่องการเรียนมากกว่าจึงไม่ได้สนับสนุนคุณตุ๋ยในเรื่องนี้อย่างจริงจังนัก กระนั้นในช่วงวัยเด็กคุณตุ๋ยยังคงมีผลงานการแสดงออกมาอยู่เรื่อยๆ
พ.ศ. 2516 เมื่อคุณตุ๋ยอายุ 11 ขวบ เธอมีโอกาสแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในผลงานเรื่อง "น้ำเซาะทราย" ผลงานสะท้อนถึงการพังทลายของสถานะชีวิตคู่และสถาบันครอบครัว กับบทลูกสาวของคุณจิ๋ม มยุรฉัตร และคุณนาท ภูวนัย นักแสดงนำของเรื่อง
หลังผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคุณตุ๋ยยังรับผลงานการแสดงในบทเด็กบ้างประปราย อาทิเช่น "ปอบผีฟ้า" พ.ศ. 2518, "ห้องหุ่น" พ.ศ. 2519 และละครจักรๆ วงศ์ๆ เรื่อง "พระทิณวงศ์" ในปี พ.ศ. 2520
กระทั่งเมื่อคุณตุ๋ยได้เริ่มเข้าสู่วัยสาว เค้าความงามในแบบผู้ใหญ่ของเธอเริ่มปรากฏ ทำให้ในปี พ.ศ. 2521 หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิมยุคลได้ดึงเธอให้มาแสดงภาพยนตร์อีกครั้งกับบทเด็กสาววัยรุ่นผู้มีปัญหาภายในใจ และต้องการใครสักคนที่เข้าใจตัวของเธอ กับภาพยนตร์เรื่อง "กาม"
ผลงานการแสดงครั้งนี้ของเธอเป็นซาวด์ออนฟิล์มซึ่งหายากในยุคนั้น อีกทั้งแม้จะเป็นผลงานการแสดงในวัยเพียงแค่ 16 ปี แต่คุณตุ๋ยกลับแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมถึงแก่น ทำให้ในปีนั้นคุณตุ๋ยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ในวัยที่เพิ่งผ่านการเริ่มใช้คำนำหน้านางสาวเพียงหนี่งปีเท่านั้น
หลังจากแสดงภาพยนตร์เรื่องกาม คุณตุ๋ยมีผลงานการแสดงภาพยนตร์เข้ามีอีกพอสมควร แต่ผลงานเหล่านั้นกลับไม่ได้โดดเด่นจนทำให้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังโดดเด่นจนเป็นที่จับจ้องของประชาชนมากนัก
2 ปีให้หลังจากภาพยนตร์เรื่องกาม พุทธศักราชที่ 2523 ทางดาราฟิล์มได้มอบบทบาทนางเอกละครเรื่อง "ดาวพระศุกร์" คู่กับพระเอก "คุณพล พลาพร"
เมื่อละครออกอากาศได้เกิดกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นระดับประวัติการณ์ ประชาชนนิยมดาวพระศุกร์ถึงขั้นที่ว่ามีหมู่บ้านในจังหวัดแห่งนึงเมื่อเกิดไฟดับ ชาวบ้านถึงกับนั่งรถข้ามไปอีกยังหมู่บ้านเพียงเพื่อดูดาวพระศุกร์ จากความสำเร็จอันประเมินค่าไม่ได้ของละคร ทำให้นักแสดงนำอย่างคุณตุ๋ยและคุณพลโด่งดังมีชื่อเสียงอย่างกู่ไม่กลับ ทั้งสองมีงานโชว์ตัวมากมายในยุคที่งานโชว์ตัวยังไม่เป็นที่นิยม อีกทั้งเขาและเธอก็กลายเป็นพระนางคู่ขวัญที่มีผลงานร่วมกันต่อมาอีกหลายเรื่อง
พ.ศ. 2524 จากความสำเร็จของดาวพระศุกร์ทำให้ในปีต่อมาทางดาราวิดีโอได้นำมนฤดี ยมาภัย และพล พลาพร พระนางคู่ขวัญจากดาวพระศุกร์มาประกบคู่กันอีกครั้งในละครเรื่อง "ดอกโศก" ผลตอบรับของละครเรื่องนี้ยังไม่รุนแรง เป็นประวัติการณ์เท่าดาวพระศุกร์ ถึงกระนั้นดอกโศกก็ถือว่าเป็นละครที่ประสบความสำเร็จอย่างมากอีกเรื่องหนึ่ง อีกทั้งยังมีการยกกองถ่ายทำยังต่างประเทศจริงๆ ซึ่งแตกต่างจากละครไทยในยุคนั้นที่มักจัดฉากถ่ายในสตูดิโอ
อีกทั้งจากกระแสการตอบรับอันรุนแรงของดางพระศุกร์ทำให้มีคนนำบทประพันธ์เรื่องนี้ไปทำเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดยคุณสรพงษ์ ชาตรี และคุณอาภาพร กรทิพย์ แต่ในปี พ.ศ. 2524 ทางดาราวิดีโอได้นำดาวพระศุกร์มาทำในรูปแบบของภาพยนตร์ฟิล์ม 35 มม. โดยใช้นักแสดงชุดเดิม ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี
ปีต่อมา พ.ศ. 2525 คุณตุ๋ยได้รับบทนางเอกจากเรื่องดอกโศกอีกครั้งในรูปแบบของ "ภาพยนตร์" ร่วมกับคุณพล พลาพรนักแสดงคู่บุญของเธอ ในปีนั้นทั้งสองได้ร่วมงานภาพยนตร์กันอีก 2 เรื่อง ได้แก่ "หลานสาวคุณหญิง" และ "มัจจุราชสีน้ำผึ้ง" ที่ในเรื่องนี้เธอและคุณพลพบกันในบทบาทของนางเอกและพระรอง อีกทั้งในปีนี้คุณตุ๋ยยังได้รับรางวัลเป็นครั้งแรก ใน รางวัลตุ๊กตาทองทีวีมหาชนของหนังสือพิมพ์บ้านเมือง ครั้งที่ 2 สาขา ผู้แสดงยอดนิยมที่ 1 ฝ่ายหญิง ประเภทภาพยนตร์โทรทัศน์ดาวพระศุกร์
พ.ศ. 2526 คุณตุ๋ยมีงานแสดงละครเรื่อง "อุบัติเหตุ" ประกบคู่กับคุณพล พลาพร พระเอกคู่บุญของเธอ อีกทั้งในปีเดียวกันคุณตุ๋ยยังมีงานภาพยนตร์เข้ามามากมายหลายเรื่อง เช่น "หนูเป็นสาวแล้ว" คู่กับ คุณสรพงษ์ ชาตรี, "แม่จอมยุ่ง" คู่กับ คุณทูน หิรัญทรัพย์ และ "นิสิตใหม่" คู่กับ คุณไพโรจน์ สังวริบุตร ฯลฯ
แม้เธอจะเป็นนักแสดงที่มาจากจอแก้ว แต่คุณตุ๋ยยังคงสามารถรักษาบทนักแสดงนำไว้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากมากในยุคที่ภาพยนตร์ไทยเฟื่องฟู เพราะนักแสดงที่รับบทนำหรือเป็นนักแสดงทางจอแก้ว เมื่อมารับงานแสดงทางจอเงินส่วนมากมักได้รับในบทรองหรือบทสมทบ แต่คุณตุ๋ยยังคงสามารถรักษาสถานะของการเป็นนักแสดงบทนำไว้ได้
นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่การันตีถึงความยิ่งใหญ่อันยากคณานับของเธอได้ดีมากทีเดียว และหลังจากในปีนี้ที่เธอมีผลงานการแสดงภาพยนตร์มากมายหลายเรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนที่โดดเด่นหรือไปที่จดจำแก่ผู้คนมากนัก คุณตุ๋ยจึงหันมาเอาดีทางด้านละครดังเดิม จากนั้นจึงไม่มีผลงานการแสดงทางจอเงินออกมาให้ผู้ชมได้เห็นอีก
พ.ศ. 2527 คุณตุ๋ยแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง "นางแมวป่า" ซึ่งละครโทรทัศนเรื่องนี้มีความพิเศษกว่าละครเรื่องอื่นๆ ของเธอที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นผลงานที่ใช้เสียงจริงของเธอเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาตัวละครในละครโทรทัศน์ที่ถูกสวมบทบาทโดยเธอจะใช้เสียงของคุณรัชนี จันทรังษี พากย์ทับลงไปอยู่เสมอ
ปีถัดมา พ.ศ. 2528 ในปีนี้คุณตุ๋ยได้แสดงละครโทรทัศน์ถึง 2 เรื่อง ได้แก่ "พลับพลึงสีชมพู" คู่กับพระเอกคุณธงไชย แมคอินไตย์ และละครเรื่อง "มัสยา" คู่กับพระเอกชื่อดังคุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง ละครโทรทัศน์ทั้ง 2 เรื่องนี้ได้กลับมาใช้การพากย์เสียงคุณรัชนี จันทรังษีทับลงไปในตัวละครที่คุณตุ๋ยแสดงอีกครั้ง และยังถือเป็นครั้งสุดท้ายที่มีการพากย์เสียงคุณรัชนีทับลงไปในตัวละครที่คุณตุ๋ยเป็นผู้สวมบทบาท
พ.ศ. 2529 คุณตุ๋ยมีผลงานการแสดงละครเรื่อง "น้ำผึ้งขม" ร่วมกับพระเอกคุณนิรุตต์ ศิริจรรยา ละครโทรทัศน์เรื่องนี้ได้กลับมาใช้เสียงจริงของเธออีกครั้ง หลังจากผลงานละครเรื่องนี้ก็ไม่มีการกลับมาใช้เสียงพากย์ของคุณรัชนีในบทบาทที่คุณตุ๋ยแสดงอีกเลย
ต่อมา พ.ศ. 2530 คุณมนฤดีได้หวนกลับมาร่วมงานหับคุณศรัณยู วงศ์กระจ่างอีกครั้งในผลงานละครจากบทประพันธ์สุดคลาสสิค "บ้านทรายทอง" และ "พจมาน สว่างวงศ์" อันเป็นภาคต่อของบ้านทรายทองในปีเดียวกัน หลังละครเรื่องนี้แพร่ภาพออกไปได้เกิดกระแสตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างมาก จนทำให้ภาพของนักแสดงในเวอร์ชันนี้ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้ชมในยุคสมัยนั้นมาจนถึงปัจจุบัน และในปีเดียวกันเธอยังได้มีโอกาสแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง "สกาวเดือน" ร่วมกับพระเอกคุณอภิชาติ หาลำเจียก
ในช่วงยุค 80 ที่วงการภาพยนตร์ไทยรุ่งเรือง ได้มีนางเอกสาวลูกครึ่งฝรั่งเศสที่โลดแล่นอยู่บนจอเงินจนได้รับฉายานางเอกคิวทองอย่างคุณเปิ้ล จารุณี ขณะเดียวกันช่วงที่นางเอกสาวจารุณี สุขสวัสดิ์กำลังโด่งดัง ทางด้านวงการจอแก้วคุณตุ๋ยคือนางเอกสาวที่โด่งดังในเส้นทางของการเป็นนางเอกละครโทรทัศน์เป็นอย่างยิ่ง จนทำให้เธอเคยได้รับการขนานนามว่าเป็นราชินีจอแก้วคนที่ 3 ต่อจากคุณอารีย์ นักดนตรี และคุณกนกวรรณ ด่านอุดม
แม้คุณตุ๋ยจะไม่ใช่นางเอกที่สวยเก๋ เปรี้ยวจัดจ้านหรือสวยหวานพิลิศพิไล แต่ในช่วงที่เธอยังเป็นนักแสดง คุณตุ๋ยกลับมีความสวยที่เป็นเอกลักษณ์ ที่หาในนักแสดงหญิงคนอื่นได้ยาก นั่นคือ "ความสวยแบบไทย" ที่แสดงออกในความงามของเธอมากกว่านักแสดงหญิงหลายๆ คน
เอกลักษณ์ของคุณตุ๋ยคือความสวยที่มีคล้ายคลึงกับหญิงสาวไทยยุคโบราณ ดวงตากลมโตที่แฝงไปด้วยแววโศก ผิวพรรณสีน้ำผึ้งคล้ำ
ด้วยรูปลักษณ์ความงามแบบไทยและดวงตาที่แฝงไปด้วยแววโศก ทำให้เธอโดดเด่นในบทนางเอกเรียบร้อย เศร้าโศกชวนน่าเห็นใจ การแสดงที่โดดเด่นที่สุดของคุณตุ๋ยคือการแสดงบทโศก ยามใดที่ดวงตากลมโตอันเต็มไปด้วยแววโศกต้องมีน้ำตา เมื่อความเศร้าที่ส่งออกมาจากนัยน์ตาของเธอผสานเป็นหนึ่งเดียวกับความรู้สึกของผู้ชม เมื่อนั้นผู้ชมแทบทุกคนต้องเป็นอดเสียน้ำตามิได้
แม้เธอจะไม่ใช่นักแสดงที่สวยจัดและมีฝีมือการแสดงฉกาจจัดจ้าน แต่เธอก็เป็นนักแสดงที่มีเอกลักษณ์ พร้อมด้วยเสน่ห์ที่มัดใจมหาชนอันเป็นคุณสมบัติที่นักแสดงบทนำพึงมี
พ.ศ. 2531 คุณตุ๋ยได้ทิ้งทวนการแสดงกับทางดาราวิดีโอเรื่อง "สวรรค์เบี่ยง" แสดงคู่กับคุณยุรนันท์ ภมรมนตรี ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ก่อนที่ในปีต่อมาเธอได้เข้าเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 3
หลังจากที่เธอเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 3 พ.ศ. 2532 คุณตุ๋ยได้มีโอกาสร่วมงานแสดงกับ คุณพิศาล อัครเศรณี เป็นครั้งแรกในผลงานละครเรื่อง "มนต์รักอสูร" และละครโทรทัศน์ของค่ายเอทีวีร่วมกับพระเอก คุณทูน หิรัญทรัพย์ เรื่อง "มัจจุราชฮอลิเดย์"
ด้วยรูปลักษณ์ความงามแบบไทยและดวงตาที่แฝงไปด้วยแววโศก ทำให้เธอโดดเด่นในบทนางเอกเรียบร้อย เศร้าโศกชวนน่าเห็นใจ การแสดงที่โดดเด่นที่สุดของคุณตุ๋ยคือการแสดงบทโศก ยามใดที่ดวงตากลมโตอันเต็มไปด้วยแววโศกต้องมีน้ำตา เมื่อความเศร้าที่ส่งออกมาจากนัยน์ตาของเธอผสานเป็นหนึ่งเดียวกับความรู้สึกของผู้ชม เมื่อนั้นผู้ชมแทบทุกคนต้องเป็นอดเสียน้ำตามิได้
แม้เธอจะไม่ใช่นักแสดงที่สวยจัดและมีฝีมือการแสดงฉกาจจัดจ้าน แต่เธอก็เป็นนักแสดงที่มีเอกลักษณ์ พร้อมด้วยเสน่ห์ที่มัดใจมหาชนอันเป็นคุณสมบัติที่นักแสดงบทนำพึงมี
พ.ศ. 2531 คุณตุ๋ยได้ทิ้งทวนการแสดงกับทางดาราวิดีโอเรื่อง "สวรรค์เบี่ยง" แสดงคู่กับคุณยุรนันท์ ภมรมนตรี ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ก่อนที่ในปีต่อมาเธอได้เข้าเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 3
หลังจากที่เธอเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 3 พ.ศ. 2532 คุณตุ๋ยได้มีโอกาสร่วมงานแสดงกับ คุณพิศาล อัครเศรณี เป็นครั้งแรกในผลงานละครเรื่อง "มนต์รักอสูร" และละครโทรทัศน์ของค่ายเอทีวีร่วมกับพระเอก คุณทูน หิรัญทรัพย์ เรื่อง "มัจจุราชฮอลิเดย์"
พ.ศ. 2533 คุณตุ๋ยมีผลงานการแสดงถึง 3 เรื่องด้วยกัน มีเรื่อง "แม่มดแจ๋วแหวว" (แก้ไขค่ะ เรื่องนี้ไม่ได้คู่กับคุณอรรถชัยนะคะ) พร้อมด้วย ละครเรื่อง "ใครกำหนด" พบกับ 3 นักแสดงนำ คุณตฤณ เศรษฐโชค, คุณรอน บรรจงสร้าง และคุณพลรัตน์ รอดรักษา อีกทั้งเธอยังได้มีโอกาสร้องเพลงประกอบละครร่วมกับคุณรอน บรรจงสร้างอีกด้วย และผลงานเรื่องสุดท้ายกับละครโทรทัศน์จากบทประพันธ์ของลักษณวดี อีกนามปากกาของทมยันตีนักเขียนนิยายมือฉมังในละครเรื่อง "หนี้รัก" ร่วมกับพระเอกคุณสถาพร นาควิลัย
ช่วงที่เธอเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 3 ผลงานละครที่ออกมาส่วนใหญ่ไม่เป็นที่โดดเด่นหรือพูดถึงนัก กระทั่งเมื่อทางช่อง 3 ได้นำ "สี่แผ่นดิน" บทประพันธ์อมตะคลาสสิคตลอดกาลของหม่อมคึกฤทธิ์ ปราโมช มาดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์อีกครั้ง โดยได้มีการวางตัวให้คุณตุ๋ยรับบทเป็นแม่พลอย แต่เกิดการเปลี่ยนตัวนักแสดง เป็นคุณจินตหรา สุขพัฒน์ ทำให้เธอจึงตัดสินใจกลับมารับงานแสดงทางช่อง 7 อีกครั้ง
พ.ศ. 2535 คุณตุ๋ยกลับมามีผลงานกับทางช่อง 7 อีกครั้งในละครเรื่อง "นางทิพย์" ประกบคู่กับพระเอกคุณบดินทร์ ดุ๊ก พร้อมด้วยละครหลังข่าวภาคค่ำเรื่อง "พรพรหมอลเวง" คู่กับคุณธานินทร์ ทัพมงคล และผลงานละครสั้นจบในตอน "เหตุเกิดที่สน." ในตอนพิเศษวันสงกรานต์ ร่วมกับคุณจารุณี สุขสวัสดิ์
นอกจากจะเป็นการกลับมาเล่นละครทางช่อง 7 อีกครั้งแล้ว ในปีนี้เธอยังได้พลิกบทบาทมาเล่นบทร้ายครั้งแรกในละครแนววิญญาณ ลึกลับเรื่อง "ภาพอาถรรพ์" พบกับ 2 นักแสดงนำคุณลิขิต เอกมงคล และคุณชฎาพร รัตนากร แม้จะเป็นผลงานการพลิกมาเล่นร้าย แต่บทร้ายที่เธอได้รับก็เป็นบทร้ายที่ถือว่าเป็นตัวนำของเรื่อง เป็นบทที่ไม่ร้ายอย่างโจ่งแจ้งประเจิดประเจ้อ แต่เป็นบทร้ายในทำนองร้ายลึก ซึ่งคุณตุ๋ยก็สามารถถ่ายทอดบทบาทการแสดงบทร้ายในเรื่องนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี
ช่วงที่เธอเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทางช่อง 3 ผลงานละครที่ออกมาส่วนใหญ่ไม่เป็นที่โดดเด่นหรือพูดถึงนัก กระทั่งเมื่อทางช่อง 3 ได้นำ "สี่แผ่นดิน" บทประพันธ์อมตะคลาสสิคตลอดกาลของหม่อมคึกฤทธิ์ ปราโมช มาดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์อีกครั้ง โดยได้มีการวางตัวให้คุณตุ๋ยรับบทเป็นแม่พลอย แต่เกิดการเปลี่ยนตัวนักแสดง เป็นคุณจินตหรา สุขพัฒน์ ทำให้เธอจึงตัดสินใจกลับมารับงานแสดงทางช่อง 7 อีกครั้ง
พ.ศ. 2535 คุณตุ๋ยกลับมามีผลงานกับทางช่อง 7 อีกครั้งในละครเรื่อง "นางทิพย์" ประกบคู่กับพระเอกคุณบดินทร์ ดุ๊ก พร้อมด้วยละครหลังข่าวภาคค่ำเรื่อง "พรพรหมอลเวง" คู่กับคุณธานินทร์ ทัพมงคล และผลงานละครสั้นจบในตอน "เหตุเกิดที่สน." ในตอนพิเศษวันสงกรานต์ ร่วมกับคุณจารุณี สุขสวัสดิ์
นอกจากจะเป็นการกลับมาเล่นละครทางช่อง 7 อีกครั้งแล้ว ในปีนี้เธอยังได้พลิกบทบาทมาเล่นบทร้ายครั้งแรกในละครแนววิญญาณ ลึกลับเรื่อง "ภาพอาถรรพ์" พบกับ 2 นักแสดงนำคุณลิขิต เอกมงคล และคุณชฎาพร รัตนากร แม้จะเป็นผลงานการพลิกมาเล่นร้าย แต่บทร้ายที่เธอได้รับก็เป็นบทร้ายที่ถือว่าเป็นตัวนำของเรื่อง เป็นบทที่ไม่ร้ายอย่างโจ่งแจ้งประเจิดประเจ้อ แต่เป็นบทร้ายในทำนองร้ายลึก ซึ่งคุณตุ๋ยก็สามารถถ่ายทอดบทบาทการแสดงบทร้ายในเรื่องนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี
หลังจากกลับมามีผลงานการแสดงกับทางช่อง 7 อีกครั้ง บทที่คุณตุ๋ยได้รับเป็นบทที่ไม่ใช่บทนางเอก หรืออาจเป็นบทนางเอกที่ไม่ได้ฉายในช่วงหลังข่าวภาคค่ำ กระทั่งในปี พ.ศ. 2536 เธอได้รับบทบาทการแสดงเรื่อง "นางทาส" อันเป็นผลงานการแสดงชิ้นเอกที่สุดในชีวิตของเธอ บทบาทการแสดงเป็นทาสของคุณตุ๋ยในเรื่องนี้เข้ากับรูปลักษณ์และผิวพรรณของเธอที่ออกไปทางหญิงไทยยุคโบราณ ผนวกเข้ากับนัยน์ตาโศก และฝีมือการแสดงที่เฉียบขาดในบทโศกเศร้า น่าเห็นใจของเธอได้อย่างประจวบเหมาะ ทำให้บทบาทของ "อีเย็น" ในละครเรื่องนี้ทำผู้คนทั่วประเทศต้องเสียน้ำตาไปอย่างเสียมิได้
หลังนางทาสฉายก็เกิดกระแสตอบรับโด่งดังเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในระดับเทียบเคียงกับละครดาวพระศุกร์ที่เธอเคยแสดงเอาไว้จนเป็นปรากฏการณ์เมื่อ 13 ปีก่อน
จากการแสดงระดับตีบทแตกกระจุยของเธอทำให้ในปีนั้นคุณตุ๋ยสามารถคว้ารางวัลเมขลา ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมไปครองได้สำเร็จ บทบาทการแสดงอันยอดเยี่ยมในเรื่องนางทาสของเธอได้กลายเป็นสุดยอดภาพจำ และตัวเธอเองก็กลายเป็นสุดยอดภาพจำของละครเรื่องนางทาสเช่นกัน
หลังนางทาสฉายก็เกิดกระแสตอบรับโด่งดังเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในระดับเทียบเคียงกับละครดาวพระศุกร์ที่เธอเคยแสดงเอาไว้จนเป็นปรากฏการณ์เมื่อ 13 ปีก่อน
จากการแสดงระดับตีบทแตกกระจุยของเธอทำให้ในปีนั้นคุณตุ๋ยสามารถคว้ารางวัลเมขลา ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมไปครองได้สำเร็จ บทบาทการแสดงอันยอดเยี่ยมในเรื่องนางทาสของเธอได้กลายเป็นสุดยอดภาพจำ และตัวเธอเองก็กลายเป็นสุดยอดภาพจำของละครเรื่องนางทาสเช่นกัน
หลังจากความสำเร็จของละครเรื่องนางทาส ปีถัดมา พ.ศ. 2537 คุณตุ๋ยได้มีผลงานร่วมกับคุณลิขิต เอกมงคลอีกครั้งในผลงานละครแนวสะท้อนอาชีพตำรวจเรื่อง "สารวัตรใหญ่" และผลงานละครแนววิญญาณ สยองขวัญที่ถูกพูดถึงอย่างมาก ณ ยุคนั้นอย่างเรื่อง "กระสือ" พร้อมด้วยผลงานละครสั้นปากกาทอง ร่วมกับคุณพลรัตน์ รอดรักษา ในเรื่อง "เจ้าสาวซาตาน"
พ.ศ. 2538 คุณตุ๋ยได้มีผลงานการแสดงอย่างจริงจังเป็นเรื่องสุดท้ายในผลงานละครเรื่อง "ปราสาทสีขาว" ร่วมกับ คุณอรรถชัย อนันตเมฆ ก่อนที่เธอจะห่างหายจากการแสดง โดยมีผลงานการแสดงในบทรับเชิญเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อย่างเช่น "ภูติคนอลเวง" ละครในปี พ.ศ. 2540 และละครพิเศษเนื่องในวันพ่อ เรื่อง "รักของฟ้า" ในปี พ.ศ. 2544
พ.ศ. 2538 คุณตุ๋ยได้มีผลงานการแสดงอย่างจริงจังเป็นเรื่องสุดท้ายในผลงานละครเรื่อง "ปราสาทสีขาว" ร่วมกับ คุณอรรถชัย อนันตเมฆ ก่อนที่เธอจะห่างหายจากการแสดง โดยมีผลงานการแสดงในบทรับเชิญเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อย่างเช่น "ภูติคนอลเวง" ละครในปี พ.ศ. 2540 และละครพิเศษเนื่องในวันพ่อ เรื่อง "รักของฟ้า" ในปี พ.ศ. 2544
เมื่อห่างหายการแสดงทางหน้าจอโทรทัศน์ คุณตุ๋ยได้ผันตัวเองมาเป็นผู้จัดละครโทรทัศน์ในนามของ "บริษัท พีดี วิดีโอ จำกัด" โดยมีผลงานละครเรื่อง "อย่าลืมฉัน" นำแสดงโดยคุณพีท ทองเจือ และคุณสิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ เป็นผลงานผู้จัดละครเรื่องแรกของเธอ ออกอากาศในช่วงปี พ.ศ. 2541
จากนั้นคุณตุ๋นจึงได้รังสรรค์ผลงานละครโทรทัศน์ตามมาอีกหลายเรื่อง ได้แก่ "คุณปู่ซู่ซ่า คุณย่าเซ็กซี่", "พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ" ในปี พ.ศ. 2542 และละครเรื่อง "มัสยา" ในปี พ.ศ. 2543 ปีต่อมา พ.ศ. 2544 กับผลงานละครเรื่อง "กำนันหญิง" และผลงานละครเรื่อง "แม่แตงร่มใบ" "รักข้ามคลอง" ในปี พ.ศ. 2545 และปี พ.ศ. 2547 ตามลำดับ
จากนั้นคุณตุ๋นจึงได้รังสรรค์ผลงานละครโทรทัศน์ตามมาอีกหลายเรื่อง ได้แก่ "คุณปู่ซู่ซ่า คุณย่าเซ็กซี่", "พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ" ในปี พ.ศ. 2542 และละครเรื่อง "มัสยา" ในปี พ.ศ. 2543 ปีต่อมา พ.ศ. 2544 กับผลงานละครเรื่อง "กำนันหญิง" และผลงานละครเรื่อง "แม่แตงร่มใบ" "รักข้ามคลอง" ในปี พ.ศ. 2545 และปี พ.ศ. 2547 ตามลำดับ
หลังเป็นผู้จัดละครโทรทัศน์มาหลายเรื่อง แต่ผลงานละครส่วนใหญ่ของเธอกลับไม่ค่อยโดดเด่นเป็นที่จดจำนัก ซึ่งไม่ว่าด้วยสาเหตุอันใดก็ตาม คุณตุ๋ยได้ตัดสินใจออกจากวงการบันเทิงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังและไม่มีผลงานการแสดงหรือปรากฏตัวตามสื่ออีกเลย การปรากฏตัวตามสื่อของเธอมีเพียงแค่ครั้งเดียวในตอนที่เธอได้แถลงและให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวคดีความที่มีคนจ้องทำร้ายเท่านั้น
เมื่อออกจากวงการเธอได้หันมาใฝ่ทางธรรม คุณตุ๋ยมักไปที่สถานปฏิบัติธรรมเป็นประจำ จนมีช่วงนึงที่มีข่าวออกมาว่าเธอได้ปฏิบัติธรรทที่วัดป่าแห่งหนึ่ง เพราะความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ปัจจุบันคุณตุ๋ยได้ละทิ้งซึ่งชีวิตแห่งไฟมายาเย้ายวน และหันมาใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่ายในเส้นทางใต้ร่มของพระพุทธศาสนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น