ลิลิตพระลอ เรื่องราวความรักของ พระลอ กับ พระเพื่อน พระแพง พี่น้องสองสาวในเรื่อง ที่เพียงได้ยินบทเพลงชมโฉมพระเอก ก็หลงใหลจนพาตัวเองและพระเอกไปสู่โศกนาฏกรรม กลายเป็นเหยื่อล้างแค้นโดยไม่รู้ตัว
ด้วยมีปูมหลังคือความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เกิดเป็น “รักต้องห้าม” ท่ามกลางเพลิงแค้น แต่ด้วยความปรารถนาอันรุนแรงของพระ-นาง ทำให้พวกเขามีห้วงเวลาที่ได้เสพสมอารมณ์หมาย ก่อนจะจบลงด้วยความตาย
เสียงฦๅเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
กล่าวกันว่า ณ ดินแดนล้านนามีอาณาจักรใหญ่อยู่สองแห่งที่เป็นปรปักษ์ต่อกัน คือ เมืองสรวง ที่มีท้าวแมนสรวงเป็นเจ้าผู้ครองนคร มีชายาคือนางบุญเหลือ มีโอรสคือ พระลอ ส่วนอีกแห่งคือ เมืองสรอง ที่มีท้าวพิมพิสาครปกครอง มีโอรสคือ ท้าวพิชัยพิษณุกร มีชายาคือนางดาราวดี มีพระธิดาสององค์คือ พระเพื่อน กับพระแพง
ครั้งหนึ่งท้าวแมนสรวงยกทัพไปตีเมืองสรองและได้สังหารท้าวพิมพิสาครจนสิ้นชีพ ท้าวพิชัยพิษณุกร ผู้เป็นโอรสจึงนำพระศพพระบิดาเข้าเมือง และปิดประตูเมืองจนรักษาเมืองสรองไว้ได้ ส่วนท้าวแมนสรวงพิจารณาเห็นแล้วคงตีเมืองสรองไม่สำเร็จ จึงยกทัพกลับไป ส่วนเมืองสรองก็อัญเชิญท้าวพิชัยพิษณุกรขึ้นครองราชย์แทนพระบิดา แล้วส่งพระเพื่อน พระแพงไปอยู่กับเจ้าย่า ผู้เป็นพระมเหสีม่ายของท้าวพิมพิสาครพระบิดา ส่วนท้าวแมนสรวงเมื่อเสด็จกลับเมือง ก็ได้ไปสู่ขอ "พระนางลักษณวดี”ผู้ทรงพระสิริโฉมยิ่งให้แก่พระลอ ครั้นท้าวแมนสรวงสิ้นพระชนม์ พระลอก็ได้ขึ้นครองราชสมบัติแทน
"พระลอ” นั้นมิใช่แค่มีเมียสวย ตัวพระองค์เองก็ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มรูปงามจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ความหล่อเหลาของพระลอถูกพ่อค้าวาณิชย์บอกเล่ากันปากต่อปาก เรียกว่าพอไปค้าขายเมืองไหนก็ชมโฉมกษัตริย์หนุ่มผู้นี้ไปด้วย จนที่สุดคำร่ำลือก็ไปถึงหูพระเพื่อนพระแพง พระธิดาสองสาวแห่งเมืองสรอง ซึ่งพอได้ยินคำเล่าลือถึงรูปโฉมของพระลอ ก็ตกหลุมรักจนเกิดอาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร้อนถึงนางรื่นนางโรยพระพี่เลี้ยงที่เห็นผิดสังเกต ก็ตะล่อมถามจนเดาได้ถึงสาเหตุ ด้วยความสงสารจึงคิดออกอุบายช่วยเหลือให้ทั้งสองได้ครองคู่กับพระลอสมตามความปรารถนา
โดยขั้นแรกให้คนปลอมตัวเป็นพ่อค้าเที่ยวร้องชมความงามของสองพระธิดา จนพระลอได้รับทราบและให้หาผู้ขับร้องมาร้องให้ฟัง ด้วยคำบรรยายที่เลิศเลอ พระองค์ก็ชักจะมีจิตหวั่นไหวขึ้นมาบ้าง ขั้นต่อมาสองพี่เลี้ยงก็ไปหาแม่มดหมอเสน่ห์ที่จะผูกจิตให้พระลอตามมาที่เมืองสรอง แต่ไม่มีแม่หมอคนใดกล้าทำ เพราะเห็นว่าตนไม่มีความสามารถพอ อีกทั้งเคยกระทำแต่กับสามัญชนเท่านั้น จนที่สุดมีคนแนะให้ไปหาปู่เจ้าสมิงพราย สองพี่เลี้ยงจึงไปอ้อนวอนให้ปู่เจ้าช่วยพระธิดา เมื่อปู่เจ้าเล็งญาณดูก็รู้ว่าทั้งสามต่างมีบุพเพสันนิวาสและวิบากกรรมร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อนจึงยอมรับปากช่วยเหลือ โดยครั้งแรกได้ใช้อาคมเขียนรูปทั้งสามอยู่บนลูกกลม ลงยันต์กำกับแล้วแขวนขึ้นไปบนยอดต้นยางใหญ่ เมื่อ "ลูกกลม” ต้องลม พระหทัยพระลอก็สั่นไหวด้วยความลุ่มหลง อยากไปหาพระเพื่อนพระแพง แต่พระนางบุญเหลือพระมารดาก็ให้หมออาคมมาแก้ได้ ครั้งที่สองปู่เจ้าฯจึงทำซ้ำโดยใช้ "ธงสามชาย” ลงอาคมปักบนยอดตะเคียนใหญ่ ทำให้พระลอคลั่งรักขึ้นมาอีก ทางเมืองสรวงได้เชิญหมอสิทธิชัยมาช่วย จึงสามารถแก้อาคมได้ นอกจากนี้หมอสิทธิชัยยังได้สร้างกองทัพไสยศาสตร์เป็นเกราะป้องกันพระลอไว้ด้วย ดังนั้น ปู่เจ้าสมิงพรายจึงได้สร้างกองทัพไสยศาสตร์เมืองสรองไปต่อสู้ จนได้รับชัยชนะ จากนั้นก็เสกสลาเหิน (หมากบิน)ให้ปะปนไปในพานหมาก พระลอก็หยิบเข้าไปเสวยโดยไม่รู้ตัว อาการถูกเสน่ห์ก็กำเริบหนักขึ้นมาอีก จนสุดที่หมอสุทธิชัยจะช่วยได้ พระลอทรงกลัดกลุ้มทุรนทุรายจะเสด็จไปหาพระเพื่อนพระแพงให้ได้ พระชนนีและพระมเหสีอ้อนวอนห้ามปรามอย่างไรก็ไม่สำเร็จจำยอมให้เสด็จไป
พระลอจึงยกพลออกจากเมืองสรวง ครั้นถึงชายแดนก็ให้กองทัพกลับไป เหลือไว้แต่เพียงคนสนิทร้อยคนและพระพี่เลี้ยงนายแก้วนายขวัญที่ติดตามไป ครั้นมาถึงแม่น้ำกาหลงด้วยความว้าวุ่นพระทัย จึงได้ลองเสี่ยงทายดู ปรากฏว่าน้ำไหลวนเป็นสีเลือด อันบ่งบอกลางร้าย แม้จะรู้สึกหดหู่พระทัยและคิดกลับ แต่ด้วยฤทธิ์อาคม ทำให้พระองค์ไม่สามารถหักห้ามพระทัยที่อยากจะเจอสองพระธิดาได้ จึงยังคงมุ่งหน้าต่อไป กอปรกับปู่เจ้าฯได้ส่งไก่ผีสิงมาหลอกล่อ พระองค์เห็นไก่ที่สวยงามจึงอยากได้และไล่ตามไปจนเข้าไปถึงเมืองสรอง พระองค์ได้ปลอมเป็นพราหมณ์ชื่อ "ศรีเกษ” และให้พี่เลี้ยงปลอมเป็นชาวบ้านชื่อนายลักษณ์นายราม ด้วยการชักนำของนางรื่นนางโรยพระลอก็ได้พบกับพระเพื่อนพระแพงเป็นครั้งแรกที่สวนหลวง จากนั้นก็พากันหลบซ่อนอยู่ในที่ประทับของพระเพื่อนพระแพงและได้นางทั้งสองเป็นชายา ส่วนพระพี่เลี้ยงก็จับคู่กันเองเช่นกัน แต่ความลับไม่มีในโลก ที่สุดความแตก ท้าวพิชัยพิษณุกรจับได้ ตอนแรกก็คงกริ้ว แต่เมื่อพิจารณาถึงศักดิ์ฐานะหน้าตาของพระลอ รวมถึงผลดีของการเป็นทองแผ่นเดียวกันของทั้งสองเมืองแล้ว จึงคิดจะจัดพิธีอภิเษกสมรสให้ ทำให้ทั้งสามต่างยินดีเป็นอันมาก
ครั้นความรู้ถึงเจ้าย่า พระนางกลับแค้นเคืองเป็นอย่างยิ่ง และต้องการให้ท้าวพิชัยพิษณุกรสังหารพระลอ ด้วยต้องการล้างแค้นให้ท้าวพิมพิสาคร พระสวามีของตนที่ถูกท้าวแมนสรวงพระบิดาของพระลอฆ่าตายในสนามรบ แต่ท้าวพิชัยพิษณุกรปฏิเสธ เจ้าย่าจึงแอบอ้างรับสั่งของพระองค์บอกให้ทหารล้อมฆ่าพระลอเสีย โดยกำชับให้ดำเนินการในทางลับ ปรากฏว่าทั้งหมดได้ต่อสู้กับทหารอย่างทรหด นายแก้ว นายขวัญ นางรื่น นางโรย พระพี่เลี้ยงของทั้งสองฝ่ายสู้จนตัวตายไปก่อน ส่วนพระลอกับพระเพื่อนพระแพงก็ถูกทหารยิงธนูใส่จนตายในลักษณะพิงกัน กว่าท้าวพิชัยพิษณุกรจะทราบเรื่อง ทั้งหมดก็กลายเป็นศพไปแล้ว จึงมีรับสั่งให้ประหารทหารที่ก่อเหตุทั้งหมด ตลอดจนเจ้าย่าผู้เป็นต้นเรื่องให้ตกตายตามกัน จากนั้นได้จัดการพระศพพระลอและพระธิดาอย่างสมพระเกียรติ รวมถึงส่งทูตนำสาส์นไปถวายแด่พระนางบุญเหลือ พระชนนีของพระลอ ซึ่งสุดท้ายทั้งสองเมืองต่างก็มีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันต่อมา
เรื่องนี้หากจะบอกว่าใครผิด ใครถูกคงยากจะชี้ชัด เพราะต่างก็มีเหตุผลและอารมณ์ของมนุษย์ปุถุชน อย่างเจ้าย่าที่อยากจะเอาชีวิตพระลอ ก็ด้วยเห็นเป็นลูกศัตรูที่ฆ่าสามีตน จึงแค้นเคืองและนึกถึงแต่ความเจ็บช้ำน้ำใจของตนมากกว่าจะเห็นแก่บ้านเมือง และลูกหลาน ซึ่งอาจเป็นเพราะท้าวพิชัยพิษณุกรก็มิได้เป็นลูกแท้ๆของพระนาง เลยมีเมตตาต่อพระเพื่อนพระแพงหลานสาวน้อยไปด้วย เพราะหากมีน้ำใจสักนิดคงไม่สั่งทหารไปล้อมฆ่าทั้งๆที่หลานสาวก็อยู่ที่นั้นด้วย ส่วนพระเพื่อนพระแพงที่หลงใหลได้ปลื้มกับรูปโฉมของพระลอ เพียงแค่ได้ยินคำเล่าลือ ส่วนหนึ่งก็คงเพราะอยู่ในวัยแรกรุ่นที่มีอารมณ์อ่อนไหว หลงสิ่งสวยงามได้ง่าย อย่าว่าแต่สมัยก่อนเลยสมัยนี้ก็มีให้เห็นเหมือนกัน ใช่หรือเปล่าค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การ "หลงรูป” ของพระเพื่อนพระแพงจนต้องใช้เสน่ห์เล่ห์กล และทำให้คนอื่นต้องทุกข์ใจ และพลัดพรากจากกัน ก็มิใช่สิ่งที่ควรกระทำ จริงๆต้องโทษนางรื่นนางโรยพี่เลี้ยง ซึ่งควรจะช่วยชี้แนะ มิใช่เห็นใจและชักจูงกันไปในทางที่ผิด จนดึงทุกคนมากลายเป็น "เหยื่อแค้น” ของเจ้าย่า และต่างต้องพบจุดจบอย่างน่าเวทนาในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น