วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

นารายณ์ปราบนนทก

ชาติก่อนของทศกัณฐ์คือ นนทก 
นนทกนั้นเคยเป็นพราหมมาก่อน มีนามว่าอนัตพรหม แต่อนัตพรหมนั้นแม้จะเป็นพรหมกลับมีใจอิจฉาริษยาพรหมรุ่นน้องที่พระอิศวรแต่งตั้งข้ามหัวตน อนันตพรหมจึงไม่เข้าร่วมเทวะสมาคมกับพรหมอื่นๆ และมิหนำซ้ำยังไม่ไปเข้าร่วมฉลองให้กับพระอิศวร ทำให้พระอิศวรโกรธมากจึงสาปให้อนันตพรหมกลายเป็นยักษ์ นามว่านนทก แล้วให้อยู่ที่เชิงเขาไกรลาสคอยล้างเท้าเหล่าเทวดาเป็นเวลาโกฏิปี
นนทกนั่งประจำอยู่ที่บันไดของเขาไกลลาส โดยมีหน้าที่ล้างเท้าให้แก่เหล่าเทวดาที่มาเข้าเฝ้าพระอิศวร เหล่าเทวดาให้นนทกเท้าให้ล้างแล้วมักแหย่เย้าหยอกล้อ นนทกอยู่เป็นประจำ เพราะเห็นนนทกเป็นยักษ์รูปร่างน่าเกลียด ด้วยการลูบหัวบ้าง ถอนผมบ้าง จนกระทั่งหัวของนนทกโล้นทั้งศรีษะ นนทกแค้นใจมาก แต่ตนเองไม่มีกำลังจะสู้ได้ จึงไปเข้าเฝ้าพระอิศวร
นนทกกราบทูลว่า พระอิศวรเป็นผู้ครองโลก ย่อมมีความเมตตาปรานี ใครที่กระทำแต่ความดี เมื่อขอสิ่งใดย่อมได้รับตามคำขอ ตนได้ทำงานรับใช้พระอิศวรมานาน ยังไม่เคยได้รับสิ่งตอบแทนใดๆเลย
พระอิศวรมีจิตเมตตา เห็นนนทกเศร้าโศกเสียใจ จึงมีรับสั่งว่า “นนทกต้องการสิ่งใดก็จงรีบบอก พระอิศวรจะได้จะประทานพรให้
นนทกอ้างว่า เพื่อป้องกันตนเองถูกรังแก จึงขอพรว่า “ให้นิ้วข้าเป็นเพชรมีฤทธิ์ที่สามารถชี้ใครก็ตาย จะได้เป็นข้ารับใช้ ไปกว่าจะสิ้นชีวิต”
ครั้นพระอิศวรได้รับฟังความทุกข์ใจของนนทก และการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ว่า “จะทำหน้าที่ด้วยความสัตย์สุจริตและด้วยความจงรักภักดี ด้วยความเมตตาพระอิศวรจึงประทานพรให้” เมื่อนนทกได้รับพรจากพระอิศวรตามที่ขอ จึงลาพระอิศวรกลับไปยังบันไดเขาไกรลาส
นนทกมีหน้าที่ล้างเท้าให้เหล่าเทวดา จากเดิมที่ไม่ได้มีฤทธิ์เดชแต่ประการใด แต่กลับมีฤทธิ์เดชมาก คือ มีนิ้วชี้เป็นเพชร ชี้ใครให้ตายก็ได้ นนทกได้ฤทธิ์และอำนาจแล้วเกิดความยินดีระเริงใจ เกิดความหลงติดยึดว่า ฤทธิ์และอำนาจนั้นเป็นของตน ไม่มีผู้ใดในสามโลกต่อสู้ต้านทานได้ จึงลืมคำที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระอิศวร
นนทกล้างเท้าให้เหล่าเทวดา เหล่าเทวดาก็กลั่นแกล้งนนทก สัพยอกหยอกเล่นเหมือนเช่นเคยทุกวันอย่างสนุกสนาน
นนทกจึงเกิดความโกรธแค้นเกินจะยับยั้งใจได้จึงแผลงฤทธิ์ชี้นิ้วเพชรไปยังเทวดานางฟ้าทันที
ในตอนนั้นเองเหล่าเทวดา ไม่ว่าจะเป็นครุฑ ชาวสวรรค์ที่มีความสามารถในวิชาดนตรีและขับร้อง ต่างมาเข้าเฝ้าพระอิศวร
เมื่อถึงเขาไกรลาสแล้ว เหล่าเทวดาต่างพากันไปที่บันไดเขาไกรลาส
เมื่อนั้นพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในชั้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เห็นนนทกทำอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชี้หมู่เทวดาตายก็ตกใจชะงักงันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะใคร่ครวญคิดใครเป็นผู้ประทานพรให้นนทกมาฆ่าเหล่าเทวดา คิดแล้วขึ้นเฝ้าพระอิศวร
พระนารายณ์ กราบทูลพระอิศวรว่ายักษ์อสรูนนทกที่เคยรับใช้ถวายงานพระอิศวรอยู่ที่เชิงเขาไกรลาสนั้น บัดนี้กลับกลายเป็นอันธพาลอาศัยนิ้วเพชรที่พระอิศวรเป็นเจ้าประทานพรให้มา บังอาจเข่นฆ่าราวีเทวดา ครุฑ นาค และคนธรรพ์ทั้งปวงจนเดือดร้อนทั่วไตรภพ
การกระทำรุนแรงของนนทกในครั้งนี้ ทราบถึงองค์พระอิศวร พระอิศวรเห็นว่านนทกทำหน้าที่ด้วยความสัตย์สุจริตและด้วยความจงรักภักดี ด้วยความเมตตาพระอิศวรจึงประสิทธิประสาทให้พร แต่นนทกกลับใช้อำนาจไปในทางที่ผิด
พระอิศวรพินิจเล็งเห็นว่า คงไม่มีผู้ใดเหมาะที่จะปราบปรามนนทกได้ นอกจากพระนารายณ์ จึงตรัสให้เชิญพระนารายณ์ไปปราบนนทก
พระนารายณ์รับคำสั่งจากพระอิศวรให้ไปปราบนนทก พระนารายณ์จึงแปลงโฉมเป็นนางเทพอัปสรที่สวยสดงดงามกว่าใครในสามโลก
พระนารายณ์ได้รับทราบโองการจึงเสด็จมายังเชิงเขาไกรลาสและคิดหาวิธีปราบนนทก โดยจำแลงเป็นนางเทพอัปสร รูปร่างหน้าตาหมดจดงดงาม เข้าไปพูดจาล่อลวงยั่วยวนนนทก
นนทกเสร็จสิ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ล้างเท้าให้เหล่าเทวดาแล้ว ก็รู้สึกสบายใจ
ครั้นนนทกได้เห็นนางอัปสรที่มีรูปโฉมงามเกินกว่าใคร หน้าผ่องใส ปากสวย ผมสวย ตาสวย มือสวย สวยเหมือนนางฟ้า ก็หลงรักหลงชอบนางอัปสรทันที นนทุกจึงคิดเข้าเกี้ยวนางอัปสรผู้เลอโฉม
นนทกเย้าหยอกนางอัปสร นนทกถามนนทกว่า นางอัปสรชื่ออะไร ทำไมจึงมาเดินอยู่แถวนี้ ขอให้บอกมา
พระนารายณ์แปลงกายเป็นนางอัฟสร ชำเลืองมองนนทกแล้วถามนนทกว่า นนทกมาลวงถามและลวนลามนาง ไมมีความเกรงใจ นางเป็นนางรำของพระอินทร์ชื่อสุวรรณอัปสร มีความทุกข์จึงเที่ยวเล่นมาเพื่อหวังให้คลายร้อน
นนทกได้ฟังคำของนางอัปสร นนทกจึงตอบนางอัปสรว่า นางอัปสรเป็นหญิงที่มีความงดงามทั้งกายและมีวาจาที่ไพเราะ เหมาะสมแล้วที่จะเป็นนางรำ หากเราเคยมีวาสนาต่อกันมา เราคงจะได้เป็นคู่กัน พี่ไม่ได้คิดลวนลามน้องนางแต่อย่างใด
นางอัปสรค้อนแล้วตอบนนทกว่า นางรู้นนทกคิดดจะจิตผูกพันนางนั้น นางก็รู้ นางเป็นนางรำหากจะมีจิตผูกพัน ก็จงรำไปพร้อมกับนาง หากรำได้และรำตาม นางจึงจะมีไมตรีจิตผุกพันกลับไป
นนทกไม่รู้ว่าพระนารายณ์แปลงกายเป็นนางอัปสร นนทกรู้สึกหลงรักนางอัปสรเป็นอย่างมาก นนทกพูดกับนางอัปสรว่า “อย่าได้วิตกไปเลย พี่เป็นข้ารับใช้พระอิศวรมานาน เชิญเจ้าร่ายรำเถอะ ให้หมดทุกท่าที่เจ้าจำได้ พี่จะรำตามน้องหมดทุกท่าที่น้องรำมา” พระนารายณ์เห็นนทกหลงกลตน จึงยั่วยวนนทกให้รำตาม
พระนารายณ์ที่แปลงกายเป็นนางอัปสรร่ายรำในท่าต่างๆ ได้แก่ เทพนม ปฐม พรหมสี่หน้า​สอดสร้อยมาลา เฉิดฉิน กวางเดินดง หงส์บิน กินรินเลียบ ช้านางนอน ภมรเคล้า แขกเต้าเข้ารัง ผาลาเพียงไหล่ เมขลาล่อแก้ว มยุเรศฟ้อน ลมพัดยอดตอง พรหมนิมิต พิสมัยเรียงหมอน มัจฉาชมสาครพระสี่กรขว้าง ถึงท่านาคาม้วนหางวง ด้วยฤทธิ์เดชนิ้วเพชรของนนทก ทำให้นนทกขาหักล้มลง​ นางกลายเป็นองค์นารายณ์ไป เหยียบไว้จะสังหารราญรอน ฯ
นนทกเห็นนางอัปสรแปลงกายเป็นพระนารายณ์ นนทกก็รู้ว่าตนโดนลวงเพื่อที่จะฆ่า จึงถามว่าตนทำผิดอะไร
พระนารายณ์ฟังคำของนนทก มีจึงบอกกับนนทกว่า โทษของนนทกใหญ่หลวงมาก นนทกทะนงใจไม่เกรงกลัวพระอิศวร เข่นฆ่าเหล่าเทวดา โทษของนนทกมีเพียงความตายเท่านั้น พระนารายณ์มีจิตเมตตา แต่เป็นคำสั่งพระอิศวร พระนารายณ์จึงไม่สามารถไว้ชีวิตนนทกได้ พูดแล้วก็แกว่งตรีออกไป แสงกระจายอย่างไฟบรรลัยกัลลป์

เมื่อนนทกได้ฟังแทนที่จะสำนึก กลับยอกย้อนพระนารายณ์คืนว่า 

บัดนั้น                              นนทกผู้ใจแกล้วหาญ
ได้ฟังจึงตอบพจมาน        ซึ่งพระองค์จะผลาญชีวี
เหตุใดมิทำซึ่งหน้า            มารยาเป็นหญิงไม่บัดสี
ฤาว่ากลัวนิ้วเพชรนี้          จะชี้พระองค์ให้บรรลัย
ตัวข้ามีแต่สองมือ             ฤาจะสู้ทั้งสี่กรได้

แม้สี่มือเหมือนพระองค์ทรงชัย     ที่ไหนจะทำได้ดังนี้ ฯ

พระนารายณ์จึงให้โอกาสแก่นนทกมาสู้กันใหม่ในชาติหน้า โดยกล่าวว่า

ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์                จงไปอุบัติเอาชาติใหม่
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร           เหาะเหินเดินได้ในอัมพร
มีมือยี่สิบซ้ายขวา                       ถือคฑาอาวุธธนูศร
กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร            ตามไปราญรอนชีวี

สิ้นคำสาป พระนารายณ์จึงใช้พระแสงตรีตัดเศียรของนนทกขาดกระเด็น
เมื่อนนทกตายแล้วจึงไปเกิดเป็นโอรสของท้าวลัสเตียนและ พระนางรัชดาเทวี ชื่อว่าทศกัณฐ์ แปลว่าผู้มีสิบหู มีน้องชาย 2 คน ชื่อ พิเภกและกุมภกรรณ และมีน้องสาวชื่อนางสำมนักขา ต่อมาทศกัณฐ์ได้ไปศึกษาพระเวทย์กับฤๅษีโคบุตร

ส่วนพระนารายณ์ได้อวตารลงมาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาในนาม “พระราม” มี 2 มือ 2 ขา และจะตามฆ่าเอาชีวาของทศกัณฐ์อีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื้อเพลง