สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 5
เนื้อหา
• ตั๋งโต๊ะกับลิโป้ออกรบพวกหัวเมือง• เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ออกรบลิโป้
• ตั๋งโต๊ะไปตั้งเมืองเตียงฮันเป็นเมืองหลวง
• โจโฉติดตามไปเสียทีตั๋งโต๊ะ
• ซุนเกี๋ยนได้ตราหยกสำหรับแผ่นดิน
• พวกหัวเมืองยกทัพกลับ
• เล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วชิงตราหยกซุนเกี๋ยน
ฝ่าย ทหารฮัวหยงที่เหลือตายนั้น ก็ชวนกันกลับไปณด่านกิสุยก๋วน จึงบอกเนื้อความแก่ลิซก ลิซกก็บอกหนังสือไปถึงตั๋งโต๊ะ ๆ แจ้งก็ตกใจ จึงปรึกษาแก่ลิยูลิโป้ว่า บัดนี้ฮัวหยงตายแล้วเราจะคิดประการใด ลิยูจึงว่าซึ่งฮัวหยงเปนทหารเอกตายเสียฉนี้ ดังท่านเสียทหารเลวสิบหมื่นก็ไม่เท่า แลในกองทัพซึ่งยกมาทำการครั้งนี้ ข้าพเจ้าแจ้งว่าอ้วนเสี้ยวเปนนายทัพใหญ่ แล้วอ้วนหงุยซึ่งเปนอาว์อ้วนเสี้ยวนั้นเปนขุนนางอยู่ในเมืองนี้ เกลือกว่าจะคบคิดกันเปนไส้ศึก ขอให้จับอ้วนหงุยฆ่าเสีย ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วย จึงสั่งลิฉุยกุยกีให้คุมทหารห้าร้อย ไปจับอ้วนหงุยกับพรรคพวกหญิงชายทั้งนั้นฆ่าเสียให้สิ้น แล้วให้เอาสีสะไปเสียบไว้ณด่านกิสุยก๋วน ให้อ้วนเสี้ยวผู้หลานเห็น แล้วให้ลิฉุยกุยกีคุมทหารห้าหมื่นตั้งมั่นรักษาด่านกิสุยก๋วนไว้ให้จงได้ ลิฉุยกุยกีก็คุมทหารไปทำตามตั๋งโต๊ะสั่ง
ฝ่ายตั๋งโต๊ะกับลิยูลิโป้หวนเตียวเตียวเจ้คุมทหารสิบห้าหมื่น ยกไปรักษาด่านเฮาโลก๋วน ซึ่งใกล้เมืองลกเอี๋ยงทางประมาณห้าร้อยเส้น แล้วตั๋งโต๊ะให้ลิโป้คุมทหารสามหมื่น ออกไปตั้งค่ายใหญ่อยู่นอกกำแพงด่าน
ม้าใช้เห็นดังนั้นจึงเอาเนื้อความไปแจ้งแก่อ้วนเสี้ยว ๆ จึงปรึกษาแก่หัวเมืองทั้งปวงว่า ตั๋งโต๊ะยกออกมาตั้งอยู่ด่านเฮาโลก๋วนนี้เราจะคิดประการใด โจโฉจึงว่า ซึ่งตั๋งโต๊ะยกออกมาตั้งอยู่ ณ ด่านนั้น หวังจะสกัดต้นทางไว้ เราจำจะแบ่งเอานายทัพนายกองทั้งปวงคนละครึ่ง ยกไปตีอย่าให้ตั๋งโต๊ะตั้งอยู่ได้ อ้วนเสี้ยวเห็นชอบด้วย จึงให้อองของหนึ่ง เตียวเมาหนึ่ง เปาสิ้นหนึ่ง อ้วนอุ๋ยหนึ่ง ขงเล่งหนึ่ง เตียวเอี๋ยงหนึ่ง โตเกี๋ยมหนึ่ง กองซุนจ้านหนึ่ง คุมทหารซึ่งเกณฑ์คนละครึ่งนั้นก็ยกไป แล้วให้โจโฉเปนกองสอดแนม ให้เอาข่าวดีแลร้ายมาแจ้ง ขณะนั้นอองของคุมทหารไปถึงด่านเฮาโลก๋วนก่อน
ฝ่ายลิโป้รู้ก็ยกทหารเอกสามพันออกมาจะรบอองของ ๆ จึงให้พลตั้งเปนหน้ากระดาน แล้วขับม้าขึ้นไปที่หน้าทหารทั้งปวง แลไปเห็นลิโป้แต่งตัวโอ่โถงในกระบวรสงครามแล้วถือทวนขี่ม้า อองของจึงคิดว่าลิโป้รูปร่างเปนทหารขี่ม้าก็สมตัว อองของจึงถามแก่ทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะอาสาออกรบด้วยลิโป้ได้ หองหยกทหารเอกอองของจึงรับอาสาแล้วขี่ม้าถือทวนออกรบด้วยลิโป้ได้ห้าเพลง ลิโป้เอาทวนแทงหองหยกตกม้าตาย แล้วลิโป้กับทหารทั้งนั้นรำทวนขับม้าไล่แทงตลุมบอน ทหารอองของล้มตายแตกตื่นไป พอเตียวเมาอ้วนอุ๋ยสองกองนี้ยกมาเห็นอองของแตกมา ก็ขับทหารหนุนเข้าไป ลิโป้เห็นทัพหนุนมาเปนอันมากก็ยกทหารกลับเข้าค่าย ฝ่ายอองของกับเตียวเมาอ้วนอุ๋ยเห็นดังนั้น ก็ยกทหารถอยมาตั้งมั่นอยู่ใกล้ค่ายลิโป้ประมาณสามสิบเส้น อองของตรวจพลดูก็รู้ว่าเสียทหารเปนอันมาก
ขณะนั้นนายทัพทั้งห้ากองก็มาถึงจึงตั้งค่ายมั่นอยู่ด้วยกัน ครั้นเวลารุ่งเช้านายทัพทั้งแปดคนจึงปรึกษากันว่า ลิโป้มีกำลังห้าวหาญ เราจะเห็นผู้ใดซึ่งมีฝีมือไปรบด้วยลิโป้ได้ เมื่อปรึกษายังมิทันตกลงกัน พอม้าใช้มาบอกว่าลิโป้ยกมาตั้งอยู่หน้าค่าย นายทัพทั้งแปดคนได้ฟังนั้นก็ขึ้นดูบนหอคอย เห็นเหล่าทหารลิโป้เต้นรำคนองโห่ร้องกำเริบเปนอันมาก ขณะนั้นทหารเตียวเอี๋ยงชื่อบอกสุ้น ขี่ม้ารำทวนออกไปสู้กับลิโป้ ๆ แทงถูกบอกสุ้นตกม้าตาย นายทัพทั้งแปดคนเห็นก็ตกใจ แลบู๋อันก๊กทหารขงเล่ง จึงขี่ม้าถือกระบองเหล็กใหญ่ออกไปจะสู้กับลิโป้ ๆ เห็นก็ขับม้าเข้ารบได้สิบสองเพลง ลิโป้หวดด้วยทวนถูกมือบู๋อันก๊กขาด กระบองเหล็กกระเด็นไปจึงขับม้าหนี นายทัพทั้งแปดคนเห็นก็ลงจากหอคอย แล้วก็ขับทหารทั้งปวงออกช่วยรบป้องกัน บู๋อันก๊กกลับเข้าค่ายได้ แล้วปรึกษากันว่า ลิโป้นี้การรบกล้าหาญนัก ฝีมือก็เข้มแขง ซึ่งจะทำศึกไปด้วยนั้นเห็นจะเอาชัยชนะยาก ผู้ใดจะคิดเห็นประการใด
โจโฉจึงว่าจำจะบอกไปถึงอ้วนเสี้ยวแลนายทัพทั้งปวง ให้ปรึกษากันว่า ผู้ใดจะคิดอ่านกลศึกประการใดจึงจะได้ตัวลิโป้ ถ้าได้ตัวลิโป้แล้วก็จะได้ตัวตั๋งโต๊ะโดยง่าย
ขณะนั้นม้าใช้ไปบอกแก่นายทัพทั้งแปดกองว่า ลิโป้ยกทหารมาตั้งอยู่หน้าค่าย แลนายทัพทั้งแปดกองจัดแจงทหารยกไปตั้งดากันอยู่ แต่กองซุนจ้านนั้นขี่ม้าถือง้าวเข้าไปรบด้วยลิโป้ได้สิบเพลง แลลิโป้นั้นขี่ม้ามีฝีเท้าซึ่งชื่อเซ็กเธาว์ มีกำลังแลฝีเท้ารวดเร็วนัก กองซุนจ้านนั้นสิ้นกำลังก็ขับม้าหนี ฝ่ายลิโป้ขับม้าไล่ตาม ครั้นใกล้เข้าเงื้อทวนขึ้นจะแทง พอเตียวหุยควบม้าเข้าสกัดหน้าม้าลิโป้ไว้ แล้วร้องตวาดด้วยเสียงอันดัง ม้าลิโป้นั้นตกใจถอยหลังซุดออกไปเปนหลายก้าว เตียวหุยจึงร้องด่าว่า อ้ายลูกสามพ่อ กูจะมารบกับมึง เหตุใดมึงจึงชักม้าถอยไป ลิโป้ได้ยินก็โกรธ จึงขับม้าเข้ารบกับเตียวหุยถึงห้าสิบเพลง ก็มิได้แพ้ชนะกัน กวนอูเห็นดังนั้น กลัวว่ากำลังเตียวหุยจะน้อยกว่าลิโป้ จึงขับม้าเข้ารบด้วยลิโป้ได้สามสิบเพลง เล่าปี่จึงขับม้าถือกระบี่สองเมือเข้าช่วยรบ แลม้าเล่าปี่กวนอูเตียวหุยล้อมม้าลิโป้ไว้เปนสามส้าว ลิโป้รบป้องกันไว้เปนสามารถแล้วแทงเล่าปี่ด้วยทวน เล่าปี่เอากระบี่ปัดทวนเสีย แล้วขับม้าสอึกเข้าไปจะฟันลิโป้ ๆ เห็นเปนกระบวรศึกกระหนาบหนักมา จึงขับม้าหนีพาทหารทั้งปวงเข้าในด่านเฮาโลก๋วน
ฝ่ายเล่าปี่กับกวนอูเตียวหุย แลนายทัพทั้งแปดกองก็คุมทหารยกเข้าไปถึงเชิงกำแพงด่าน ให้ทหารเข้าหักโหมเปนสามารถ ลิโป้ขึ้นอยู่บนเชิงเทินก็ให้ทหารทั้งปวงยิงเกาทัณฑ์ ทิ้งก้อนศิลาลงไปดังห่าฝน นายทัพทั้งปวงเห็นจะเข้าหักเอามิได้ ก็ยกทหารกลับมา ณ ค่าย แล้วปรึกษากันแต่งหนังสือบอกไปถึงอ้วนเสี้ยว ๆ แจ้งดังนั้นก็มีความยินดี จึงให้แต่งหนังสือไปถึงซุนเกี๋ยนว่า ให้เร่งยกทหารเข้าตีด่านกิสุยก๋วนให้จงได้
ฝ่ายซุนเกี๋ยนครั้งแจ้งในหนังสือนั้นแล้ว ก็รู้ข่าวว่ามีผู้ยุยงอ้วนสุดมิให้เอาสเบียงมาส่ง จึงให้ทหารทั้งปวงรักษาค่ายอยู่ แล้วพาเทียเภากับอุยกายไปหาอ้วนสุด ซึ่งเปนกองลำเลียง ณ ค่าย ซุนเกี๋ยนจึงว่าแก่อ้วนสุดว่า ตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าตั้งตัวเปนใหญ่ใช่จะทำสิ่งใดให้เราขัดเคืองก็หามิได้ ซึ่งเราจะมาทำการด้วยอ้วนเสี้ยวครั้งนี้ก็เพราะความซื่อตรงต่อแผ่นดิน แล้วจะคิดแก้แค้นตั๋งโต๊ะซึ่งฆ่าอ้วนหงุยอาว์ท่านเสียนั้น อุตส่าห์ทรมานเอากายเข้าสู้ลูกเกาทัณฑ์แลอาวุธทั้งปวงมิได้คิดชีวิต เราก็ให้บอกมาขอสเบียง เปนไฉนท่านจึงฟังคำคนยุยงมิให้เอาสเบียงไปส่ง ทหารในกองทัพเราจึงอดหยากอิดโรยกำลังจนเสียทีแก่ข้าศึก แลอ้วนสุดได้ยินดังนั้นก็มีความลอายนัก จึงให้เอาตัวทหารซึ่งยุงยงมิให้ส่งสเบียงนั้นมาฆ่าเสียต่อหน้าซุนเกี๋ยน
ฝ่ายม้าใช้อยู่ ณ ค่ายซุนเกี๋ยนมาบอกแก่ซุนเกี๋ยนว่า บัดนี้ลิฉุยขี่ม้าออกมาจากค่ายกิสุยก๋วนว่าจะมาหาท่าน ซุนเกี๋ยนได้ฟังก็ลาอ้วนสุดกลับมา ณ ค่าย จึงให้หาลิฉุยเข้ามาถามว่า ท่านมานี้ด้วยกิจธุระสิ่งใด ลิฉุยจึงบอกว่ามหาอุปราชให้เรามา ว่าแต่บันดาหัวเมืองซึ่งคบคิดกันมาทำการทั้งนี้ มหาอุปราชจะได้ย่อท้อต่อผู้ใดนั้นหามิได้ คิดจะให้ฆ่าเสียจงสิ้น บัดนี้มีความเมตตาแต่ท่านผู้เดียวจะพลอยตายเสียด้วยเขา ครั้นจะให้ผู้ใดมาเจรจาด้วยประการใด ท่านก็จะเข้าใจว่าให้มาเกลี้ยกล่อม มหาอุปราชจะยกลูกสาวให้ซุนเซ็กผู้บุตรท่าน จะได้เปนไมตรีกันสืบไป
ฝ่ายซุนเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นจึงตวาดเอา แล้วว่าตั๋งโต๊ะนั้นเปนขบถแผ่นดินร้อนทุกเส้นหญ้า เราคิดอ่านกับหัวเมืองทั้งปวงยกมาทำการ หวังจะฆ่าตั๋งโต๊ะเสียให้สิ้นทั้งเจ็ดชั่วโคตร อาณาประชาราษฎรทั้งปวงจะได้อยู่เย็นเปนสุข ซึ่งตั๋งโต๊ะจะเอาลูกสาวมายกให้เปนภรรยาซุนเซ็กผู้บุตรเรา ซึ่งเราจะเปนเกี่ยวดองด้วยตั๋งโต๊ะศัตรูราชสมบัตินั้น เรามีความลอายนัก แลโทษซึ่งท่านออกมาเกลี้ยกล่อมเรานั้น เราจะยกไว้ครั้งหนึ่ง ท่านจงเร่งกลับเข้าไปชักชวนทหารทั้งปวงให้เปนใจด้วยเรา เปิดประตูด่านออกไว้รับเถิด แล้วเราจะยกทหารเข้าไปจับตั๋งโต๊ะฆ่าเสีย ถ้าท่านกับทหารทั้งปวงมิทำตามดังนี้ เรายกเข้าหักเอาเมืองได้ก็จะให้ฆ่าเสียจงสิ้น ลิฉุยได้ฟังก็ตกใจกลัว ก็ลาซุนเกี๋ยนรีบกลับเข้าไปบอกแก่ตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะแจ้งดังนั้นก็โกรธ จึงปรึกษาแก่ลิยูว่า ซึ่งเกลี้ยกล่อมซุนเกี๋ยนมิลงใจด้วยเรานั้นลิยูจะคิดประการใด
ฝ่ายลิยูจึงว่าซึ่งลิโป้เสียทีมาบัดนี้ เห็นทหารทั้งปวงชักย่อท้อลง ขอให้ท่านยกทหารกลับขึ้นไปเมืองหลวงก่อน แล้วเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปตั้งอยู่เมืองเตียงฮัน ด้วยข้าพเจ้าได้ยินเด็กชาวเมืองทำเพลงว่า “ตังเทาอิดโกฮัน ไซเทาอิดโกฮัน หลกเจ้าหยิบเตียงฮันห้องโกบ่อชูลัน” แปลภาษาไทยว่า ตวันตกก็มีเมืองเตียนฮันเมืองหนึ่ง ตวันออกก็มีเมือง ถ้ากวางวิ่งเข้าไปในเมืองเตียงฮันแล้ว ก็หาภัยอันตรายมิได้ แลข้าพเจ้าคิดดูในคำเด็กนั้น เห็นว่าแต่ก่อนพระเจ้าฮั่นโกโจได้สร้างเมืองเตียงฮัน พระมหากษัตริย์ได้เสวยราชย์ต่อ ๆ กันมาถึงสิบสองพระองค์ ฝ่ายพระเจ้าฮั่งกองบู๊ได้สร้างเมืองลกเอี๋ยงเปนฝ่ายตวันออก พระมหากษัตริย์ได้เสวยราชย์ต่อมา ๆ จนถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้นี้ก็ได้สิบสองพระองค์ ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าเชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นกองบู๊จะสูญเสียครั้งนี้แล้ว ราชสมบัตินั้นเห็นจะได้แก่ท่านเปนมั่นคง ถ้าท่านได้ไปสร้างเมืองอยู่ ณ เมืองเตียงฮันก็จะหาอันตรายมิได้ ดุจคำเด็กทำเพลงเปนศุภนิมิตนั้น ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นมีความยินดีนัก จึงว่าแก่ลิยูว่า ซึ่งท่านกล่าวมาเราพึ่งแจ้งบัดนี้ แล้วก็ยกกองทัพกลับไปเมืองหลวง
ครั้นเวลารุ่งเช้าตั๋งโต๊ะจึงให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้ามาพร้อมกันใน ที่เฝ้าแล้วว่า เราดูในตำราเห็นชาตาเมืองลกเอี๋ยงนี้เห็นเปนฝ่ายตวันออกจะร่วงโรยสูญเสีย แล้ว ฝ่ายเมืองตวันตกจะวัฒนาการเจริญรุ่งเรืองไปภายหน้า เราจะเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปสร้างเมืองอยู่ ณ เมืองเตียงฮัน ให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงพากันอพยพไปตั้งอยู่ด้วย
ฝ่ายเอียวปิวจึงว่า อันเมืองลกเอี๋ยงนี้ พระเจ้าฮั่นกองบู๊สร้างเมืองสั่งสมราชสมบัติมาเปนช้านานถึงสิบสองพระองค์ แล้ว แลท่านจะให้ทิ้งเมืองลกเอี๋ยงเสีย แลจะไปตั้งเมืองเตียงฮันนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าบ้านเมืองยังมิสงบ อาณาประชาราษฎรจะได้ความเดือดร้อนนัก อันคำโบราณกล่าวไว้ว่า อุปมาดังเรือน ถ้าจะรื้อลงนั้นง่าย ซึ่งจะปลูกสร้างนั้นยากนัก ถ้าไม่ฟังข้าพเจ้า จะขืนยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองเตียงฮันนั้น เห็นราษฎรทั้งปวงจะแตกตื่นไป กว่าจะเกลี้ยกล่อมซ่องสุมเข้าได้ก็ยากนัก ซึ่งข้าพเจ้าว่าทั้งนี้ขอท่านดำริห์ดูจงควร
ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าตัวเราเปนมหาอุปราช จะสั่งข้อราชการสิ่งใดก็เปนสิทธิ เราดูตำราเห็นว่าดีแลร้ายแล้วจึงสั่ง แลตัวบังอาจขัดไว้ฉนี้ไม่ชอบ
อุยอ๋วนจึงว่าแก่ตั๋งโต๊ะว่า ซึ่งเอียวปิวทัดทานนั้นชอบอยู่ เหมือนครั้งอองมังเปนขบถ ชิงเอาราชสมบัติแล้วเผาเมืองเสีย แล้วเมืองนั้นก็ยังเปนป่าอยู่ ซึ่งท่านจะละเมืองนี้เสีย จะไปเอาป่าเปนเมืองนั้น ข้าพเจ้าเห็นไม่ควร
ตั๋งโต๊ะจึงตอบว่าเราเห็นข้างฝ่ายตวันออกนี้เกิดจลาจล โจรทำอันตรายต่าง ๆ มาเปนหลายครั้ง แลเมืองเตียงฮันก็เปนเมืองหลวงอยู่แต่ก่อน เราเห็นภูมิลำเนาชอบกลอยู่ แล้วก็มีภูเขาแลศิลาซึ่งจะทำการเมืองนั้นใกล้ ทำเดือนหนึ่งก็สำเร็จการ จะได้เปนสุขด้วยกัน แลขุนนางทั้งปวงอย่าได้ขัดขวางสืบไปเลย
ฝ่ายซุนซองจึงห้ามตั๋งโต๊ะดังคำอุยอ๋วน ตั๋งโต๊ะจึงตอบว่าเราจะทำนุบำรุงราชสมบัตินี้เปนการใหญ่หลวง อุปมาเหมือนโค่นต้นไม้ทำไร่ จะคิดเสียดายต้นไม้อยู่แล้วก็ไม่ได้เข้ากิน แล้วตั๋งโต๊ะจึงให้ถอดเอียวปิวอุยอ๋วนซุนซองออกเสียจากที่ขุนนาง ตั๋งโต๊ะก็ขึ้นเกวียนจะไปที่อยู่ ครั้นออกมานอกประตูวัง พบเอียวปีกับเหงาเค่งเข้ามาคำนับอยู่ตรงหน้าเกวียน ตั๋งโต๊ะจึงถามว่าท่านทั้งสองจะว่าราชการสิ่งใดกับเราหรือ เอียวปีกับเหงาเค่งจึงว่าข้าพเจ้าไปได้ยินกิตติศัพท์ว่า ท่านจะเทเมืองนี้ไปสร้างอยู่ ณ เมืองเตียงฮัน ข้าพเจ้าเห็นไม่ควรจึงเข้ามาหวังว่าจะห้ามท่าน ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าตัวท่านทั้งสองแต่ก่อนนั้นได้ว่ากล่าวให้เราตั้งอ้วนเสี้ยวเปนเจ้า เมืองเราก็ทำตาม บัดนี้อ้วนเสี้ยวกลับมาทำร้ายแก่เรา แลตัวทั้งสองคนนี้คบคิดเปนสายสนกลนัยกับอ้วนเสี้ยวเปนมั่นคง แล้วจึงสั่งบู๋ซูให้เอาเอียวปีกับเหงาเค่งไปฆ่าเสีย แล้วตั๋งโต๊ะก็ไปถึงที่อยู่ จึงสั่งกำหนดวันซึ่งจะยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองเตียงฮัน
ฝ่ายลิยูจึงว่าซึ่งท่านจะยกไปสร้างเมืองนั้น อาหารแลเงินทองในท้องพระคลังยังมีอยู่น้อยเห็นจะไม่พอทำการ ในเมืองลกเอี๋ยงนี้ผู้ซึ่งเปนเศรษฐีพ่อค้าย่อมมีเงินทองเข้าของเปนอันมาก ขอให้ท่านไปริบเอามาเข้าท้องพระคลัง จึงจะได้เอาไปทำการสดวก อนึ่งแต่บันดาพรรคพวกอ้วนเสี้ยว ซึ่งอยู่ในเมืองหลวงก็มีอยู่เปนอันมาก ขอให้ท่านจับฆ่าเสียให้สิ้น แล้วริบเอาทรัพย์สิ่งสินมาเข้าท้องพระคลังไว้ ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วย จึงจัดทหารห้าพันไปเที่ยวริบอาณาประชาราษฎร ซึ่งมีเงินทองแลพรรคพวกอ้วนเสี้ยวจับเอาตัวมาแล้วมัดไว้ จึงให้เอาธงปักไว้บนสีสะเขียนอักษรสองตัวว่าเปนขบถ แล้วก็เอาไปฆ่าเสีย แลริบเอาเงินทองมาให้ตั๋งโต๊ะเปนอันมาก แล้วตั๋งโต๊ะจึงให้ลิฉุยกุยกีขับต้อนอาณาประชาราษฎรในเมืองลกเอี๋ยง ไปตั้งอยู่ ณ เมืองเตียงฮันให้สิ้นเชิง
ขณะนั้นลิกุยกุยกีก็ต้อนอาณาประชาราษฎรไป แลคนทั้งหญิงทั้งชายเด็กเล็กได้ประมาณหกร้อยเจ็ดร้อยหมื่น แลทหารตั๋งโต๊ะอพยพเปนกอง ๆ อาณาประชาราษฎรเหยียบกันตายเปนอันมาก เหล่าทหารก็เข้าช่วงชิงเอาทรัพย์สิ่งสินของราษฎร แล้วฉุดลากภรรยาของชาวเมือง แลลูกสาวซึ่งพ่อแม่พี่น้องไปด้วยมาทำอันตราย บันดาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนเปนอันมาก เสียงร้องไห้อึงคนึงไป
ฝ่ายตั๋งโต๊ะเตรียมการทั้งปวงพร้อม ก็ให้ทหารเอาเพลิงจุดในเมืองลกเอี๋ยงไหม้สิ้น แล้วให้ลิโป้คุมทหารไปขุดศพพระมหากษัตริย์ซึ่งฝังไว้แต่ก่อนต่อ ๆ มา แล้วให้เก็บเอาทรัพย์สิ่งของซึ่งฝังไว้กับศพนั้น ได้เงินทองเปนอันมาก แลทหารทั้งปวงก็ปลอมขุดเอาเงินทองซึ่งใส่ศพอาณาประชาราษฎรที่ฝังไว้มาเปน อาณาประโยชน์ ตั๋งโต๊ะจึงให้ขนทรัพย์สิ่งของทั้งปวงขึ้นบันทุกเกวียนเปนหลายพันเกวียน แล้วเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้กับนักสนมทั้งปวงพร้อมแล้วให้ยกไป
ขณะนั้นเตียวหงิมซึ่งออกไปตั้งอยู่ ณ ด่านกิสุยก๋วนกับฮัวหยงซึ่งตายนั้น แลทหารซึ่งรักษาด่านเฮาโลก๋วน ครั้นรู้ว่าตั๋งโต๊ะเทเมืองลกเอี๋ยงเสีย เตียวหงิมจึงคุมทหารไปตามตั๋งโต๊ะ
ฝ่ายซุนเกี๋ยนครั้นเห็นด่านกิสุยก๋วนสงัดเงียบ แลนายทัพทั้งสิบแปดหัวเมืองกับเล่าปี่กวนอูเตียวหุย รู้ข่าวดังนั้นก็ยกทหารขึ้นไปเมืองลกเอี๋ยง เห็นเพลิงไหม้อยู่สิ้นทั้งเมืองมิได้มีผู้คน จึงให้ทหารเข้าดับเพลิงสงบแล้วจึงตั้งทัพอยู่ในเมืองนั้น
โจโฉจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า ตั๋งโต๊ะให้เผาเมืองเสีย แล้วยกหนีไปข้างตวันตก แลพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าดีแลร้าย ซึ่งตั๋งโต๊ะยกไปนั้นเห็นอาณาประชาราษฎรจะได้ความเดือดร้อนนัก เปนไฉนท่านมานิ่งอยู่ฉนี้ ขอให้ยกกองทัพไปทำการ เห็นจะจับตั๋งโต๊ะได้สดวก
อ้วนเสี้ยวกับหัวเมืองทั้งปวงจึงตอบว่า ทหารเรายังอิดโรยนัก จำเราจะพักพลให้มีกำลังขึ้นก่อน จึงจะคิดการสืบไป โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงคิดแต่ในใจว่า ซึ่งจะทำการใหญ่กับหัวเมืองทั้งปวงนี้ อุปมาดังคิดกับเด็กเลี้ยงโค จึงจัดทหารพรรคพวกของตัวได้ประมาณหมื่นเศษ แล้วพาแฮหัวตุ้นแฮหัวเอี๋ยนโจหองโจหยินลิเตียนงักจิ้น กับทหารทั้งปวงรีบตามตั๋งโต๊ะไปทั้งกลางวันกลางคืน
ฝ่ายตั๋งโต๊ะครั้นยกมาถึงเมืองเอ๊งหยง แลซีเอ๋งซึ่งเปนเจ้าเมืองรู้ข่าวก็ออกมารับตั๋งโต๊ะ ลิยูจึงว่าแก่ตั๋งโต๊ะว่า ซึ่งยกมาจากเมืองหลวงครั้งนี้เกลือกพวกศัตรูจะยกตามมา ฝ่ายทัพเราจะต้านทานมิทันจะเสียท่วงที ขอให้ซีเอ๋งคุมทหารไปซุ่มอยู่บนเขาใหญ่ต้นทาง ถ้ากองทัพสิบแปดหัวเมืองยกมาตามก็ให้ซีเอ๋งออกรบ ถ้ากองทัพนั้นล่วงขึ้นมาได้รบกับทัพเราแล้ว จึงให้ซีเอ๋งออกตีกระหนาบหลัง ทัพซึ่งตามมาก็จะเสียทีเปนมั่นคง ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วย จึงให้ซีเอ๋งคุมทหารยกไปซุ่มอยู่ ณ เขาต้นทาง แล้วให้ลิโป้กับลิฉุยกุยกีคุมทหารลงไปเดิรเปนกระบวรทัพหลัง
ฝ่ายโจโฉก็ยกทัพล่วงตามเข้าต้นทางขึ้นไป ขณะนั้นลิโป้ได้ยินเสียงรี้พลตามอื้ออึงมา จึงคิดว่าลิยูนี้เปนคนมีสติปัญญา คิดสิ่งใดก็มิได้ผิด ครั้นเห็นทัพโจโฉยกมาใกล้ ลิโป้จึงให้กลับหน้าทหารเข้ารับไว้ โจโฉจึงขับม้าขึ้นไปหน้าทหารแล้วร้องว่า อ้ายพวกขบถมึงจะพาเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปแห่งใด ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงร้องตอบว่าตัวมึงเปนคนอักตัญญู มหาอุปราชชุบเลี้ยงให้มีความสุขยังหารู้จักคุณไม่ กลับทรยศทำร้าย ครั้นไม่สมคิดแล้วหนีไปคบกันมาทำฉนี้อีกเล่า แฮหัวตุ้นได้ฟังดังนั้นก็โกรธขับม้าขึ้นไปรบด้วยลิโป้ได้ห้าเพลง ลิฉุยก็ขับม้าคุมทหารเข้ารบด้านทางขวา โจโฉจึงให้แฮหัวเอี๋ยนคุมทหารเข้ารบด้วยลิฉุย แลกุยกีก็ขับม้าคุมทหารเข้ารบด้านทางซ้าย โจโฉจึงให้โจหยินคุมทหารเข้ารบด้วยกุยกีเปนสามารถ เสียงทหารทั้งสองฝ่ายอื้ออึงเอิกเกริกดังแผ่นดินจะถล่ม แฮหัวตุ้นเห็นว่ากำลังนั้นน้อยกว่าลิโป้ก็ขับม้าหนี ฝ่ายลิโป้ก็ขับม้าไล่ตาม ฟันทหารโจโฉแตกตื่นล้มตายเปนอันมาก แลโจโฉกับทหารซึ่งเหลือนั้นถอยหลังไปถึงเขาต้นทาง พอเวลาสองยามแสงเดือนสว่าง เห็นรี้พลอิดโรยนักจึงให้หยุดอยู่หุงอาหารยังมิทันกิน
ฝ่ายซีเอ๋งซึ่งซุ่มอยู่เห็นดังนั้น ก็ยกทหารออกโจมตี ทหารโจโฉมิทันรู้ตัวก็ตกใจตื่นแตกกระจายไป โจโฉนั้นก็ขึ้นม้าหนีไปพบซีเอ๋งเข้าก็ตกใจ ชักม้าบ่ายหน้าจะหนีไปทางอื่น ซีเอ๋งยิงเกาทัณฑ์ไปถูกติดไหล่โจโฉ ๆ ก็ขับม้าหนีผ่านเขาไป ฝ่ายทหารซีเอ๋งเห็นก็เอาทวนแทงถูกม้าโจโฉล้มลงแล้วเข้าจับโจโฉไว้ ฝ่ายโจหองพอมาทันเข้าเห็นทหารซีเอ๋งจับโจโฉไว้ ก็ขับม้าเข้าไล่ฟันทหารนั้นล้มตายเปนหลายคน เหลือนั้นตกใจทิ้งโจโฉเสียหนีไป โจโฉถูกเกาทัณฑ์เจ็บปวดเปนสาหัสจึงว่าแก่โจหองว่า ตัวเราเห็นจะตายเสียแล้ว ท่านเร่งไปเอาชีวิตรอดเถิด โจหองจึงว่าท่านป่วยหนักอยู่จงขึ้นขี่ม้า ข้าพเจ้าจะเดิรรบป้องกันไป โจโฉตอบว่าซึ่งท่านเดิรเท้าจะต่อรบได้เหมือนขี่ม้าหรือ โจหองจึงว่าแผ่นดินเปนจลาจลครั้งนี้ หาผู้ใดจะคิดทำนุบำรุงไม่ หากท่านเปนต้นคิด หัวเมืองทั้งปวงจึงพลอยมาทำการด้วย ถ้าชีวิตข้าพเจ้าจะตายก็ตายเสียเถิด ขอให้ท่านรอดอยู่จะได้คิดการบำรุงแผ่นดินสืบไป โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงว่าขอบใจท่านนัก แล้วโจโฉก็ขึ้นม้า โจหองจึงถอดเกราะทิ้งเสียถือง้าวเดิรตามไป ครั้นเพลาประมาณสามยามเศษก็ถึงแม่นํ้าอันหนึ่ง พอได้ยินเสียงทหารตามมาข้างหลัง โจโฉจึงว่าแก่โจหองว่าจะหนีไปแม่นํ้าก็กั้นหน้าอยู่ ศัตรูก็ตามมา เห็นชีวิตเราจะตายอยู่ที่นี่เปนมั่นคง โจหองจึงว่าข้าพเจ้าจะพาท่านไปให้ตลอด จึงถอดเสื้อทิ้งเสียแล้วให้โจโฉขี่ โจหองก็พาข้ามแม่น้ำไปถึงฝั่ง เหล่าทหารซีเอ๋งครั้นมาถึงริมแม่นํ้า เห็นโจโฉข้ามไปถึงฟาก ก็ชวนกันเอาเกาทัณฑ์ยิงระดมไป ฝ่ายโจหองก็พาโจโฉค่อยเดิรไปได้ประมาณสามสิบเส้น พอรุ่งขึ้นจึงเข้าหยุดพักข้างเนินเขาแห่งหนึ่ง แลซีเอ๋งนั้นคุมทหารข้ามนํ้าตามไป เห็นโจโฉกับโจหองหยุดอยู่ จึงให้ทหารทั้งปวงเข้าล้อมไว้
ฝ่ายแฮหัวตุ้นกับแฮหัวเอี๋ยนคุมทหารม้าได้สิบหกสิบเจ็ดม้า ก็ข้ามแม่นํ้าตามโจโฉไป พอเห็นทหารล้อมโจโฉโจหองอยู่ จึงขับม้าผ่านหน้าซีเอ๋งเข้าไป แล้วร้องตวาดว่า พวกอ้ายขบถมึงอย่าทำอันตรายนายกู ซีเอ๋งได้ยินก็โกรธจึงขับม้าเข้ารบกับแฮหัวตุ้นได้สิบเพลง แฮหัวตุ้นเอาทวนแทงถูกซีเอ๋งตกม้าตาย แล้วไล่ฟันทหารทั้งนั้นแตกกระจายไปสิ้น
ขณะนั้นโจหยินกับลิเตียนงักจิ้น สามคนคุมทหารได้ประมาณสามร้อยเศษ พอมาพบแฮหัวเอี๋ยนเข้าจึงพากันไปหาโจโฉ ครั้นโจโฉเห็นทหารเอกคุมทหารเลวมาได้บ้างก็ค่อยคลายใจขึ้น แล้วโจโฉก็ยกทหารไปเมืองโห้ลาย
ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวง ซึ่งอยู่ ณ เมืองลกเอี๋ยงต่างตั้งชุมรุมพักทหารอยู่ แลซุนเกี๋ยนนั้นเข้าไปตั้งชุมนุมณพระที่นั่งเกียนเซียงเตี้ยน แล้วไปดูที่กุฎิ์พระมหากษัตริย์ซึ่งตั๋งโต๊ะให้ขุดขึ้นนั้น จึงให้ทหารกลบเสียแล้วปลูกโรงขึ้น จึงบอกนายทัพนายกองทั้งปวงมาจุดธูปเทียนทำสักการบูชา แล้วต่างคนต่างกลับไปที่ชุมนุม ครั้นเวลากลางคืนแสงเดือนสว่าง ซุนเกี๋ยนจึงถือกระบี่ออกไปนั่งอยู่กลางแจ้ง จึงแลขึ้นไปเห็นดาวสำหรับพระมหากษัตริย์เสร้าหมองนัก ซุนเกี๋ยนจึงคิดว่า ครั้งนี้พระมหากษัตริย์มิได้เปนสุข อาณาประชาราษฎรจึงได้ความเดือดร้อน เพราะตั๋งโต๊ะเปนขบถต่อราชสมบัติจนเมืองนั้นเปนป่า ดาวนั้นจึงวิปริตไปดังนี้ ซุนเกี๋ยนดูพลางก็นํ้าตาไหล แลทหารคนหนึ่งเห็นแสงประหลาท จึงชี้บอกซุนเกี๋ยนว่า ข้างพระที่นั่งฝ่ายทิศใต้เห็นสว่างอยู่ ซุนเกี๋ยนแลไปดูเห็นรัศมีประหลาทดังนั้น จึงเดิรไปให้ทหารจุดคบเพลิงส่องดูก็เห็นบ่ออันหนึ่ง จึงให้ทหารลงไปสักดู พบศพหญิงผู้หนึ่งก็ให้ยกขึ้นมา แลศพนั้นยังสดอยู่มิได้เปื่อยพัง ราตคดผูกคออยู่จึงให้แก้ออกดู เห็นหีบน้อยลั่นกุญแจอยู่ จึงให้คัดออกเห็นตราหยกสี่เหลี่ยมจตุรัศดวงหนึ่งหน้าแปดนิ้ว ยอดนั้นจำหลักติดประจำเปนมังกรห้าตัวเกี่ยวกัน แต่เหลี่ยมข้างหนึ่งนั้นลิอยู่เอาทองคำตีเลี่ยมเข้าไว้ ตรานั้นแกะเปนอักษรว่า เทวดาประสิทธิ์ให้ ถ้าผู้ใดได้ไว้แล้วครองราชสมบัติก็จะจำเริญพระชันสาสืบไป ซุนเกี๋ยนเห็นประหลาทจึงถามเทียเภาว่า ตราหยกนี้จะเปนของผู้ใด เทียเภาจึงตอบว่า ตราสำหรับราชสมบัติ แลหยกซึ่งแกะตรานี้[๑] ครั้งเบ๊งโหเห็นหงส์จับอยู่บนเขา ครั้นหงส์บินไปแล้ว เบ๊งโหจึงเอาก้อนศิลาที่หงส์จับนั้นมาต่อยออกจึงได้หยก แล้วเอาไปถวายพระเจ้าโซบูอ๋อง ๆ ก็ดับสูญ ครั้นพระเจ้าจิ๋นซีอ๋องได้เสวยราชย์ จึงให้หาช่างมาทำเปนตราสำหรับพระมหากษัตริย์ แล้วให้หลีสูจึงแกะเปนอักษรแปดตัว ครั้งหนึ่งพระเจ้าจิ๋นซีอ๋องเสวยราชสมบัติได้ยี่สิบหกปี (พ.ศ. ๒๓๑) จึงเสด็จไปประพาสโดยทางชลมารค พอเกิดพายุหนักคลื่นใหญ่ พระเจ้าจิ๋นซีอ๋องกลัวเรือพระที่นั่งจะล่ม จึงเอาตราหยกนี้ทิ้งลงในแม่น้ำพายุแลคลื่นก็สงบไป ครั้นอยู่มาอีกแปดปี พระเจ้าจิ๋นซีอ๋องเสด็จไปประพาสโดยทางสถลมารค มีผู้หนึ่งเอาตราหยกนี้มาถวายต่อพระหัตถ์ แล้วผู้นั้นก็หายไป ครั้นพระเจ้าจิ๋นซีอ๋องเสด็จกลับเข้ามาถึงวังก็สวรรคต[๒] จูเอ๋งจึงเอาตรานี้มาถวายพระเจ้าฮั่นโกโจ ครั้นอองมังเปนขบถ นางตังไทฮอจึงเอาตรานี้ทิ้งเอาอองสิมโซเสียมทหารอองมัง ไปถูกผนังตึกเหลี่ยมนั้นจึงลิไป แล้วให้เอาทองคำทำเหลี่ยมตราเข้าไว้ ครั้นพระเจ้าฮั่นกองบู๊ได้ตราดวงนี้ จึงได้เสวยราชย์ต่อ ๆ มา ครั้นเพลิงไหม้วัง พวกขันทีจึงพาหองจูเปียนกับหองจูเหียบหนีเพลิงไป ครั้นกลับเข้ามาจึงให้คนค้นดูทรัพย์สิ่งของในท้องพระคลังนั้นก็ยังดีอยู่ สิ้น แต่ตราหยกดวงนี้หายไป ก็ซึ่งท่านมาได้ตราสำหรับราชการนี้ เห็นว่าราชสมบัติจะได้แก่ท่านเปนมั่นคง ขอให้ท่านยกกลับไปเมืองกังตั๋ง จึงจะได้คิดการใหญ่สืบไป
ฝ่ายซุนเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีนัก จึงว่าพรุ่งนี้เราจะลาอ้วนเสี้ยวว่าป่วยจะกลับไป แล้วกำชับทหารทั้งปวงว่า อย่าให้บอกกล่าวแก่ผู้ใดให้ปรากฎ ในขณะเวลากลางคืนนั้น ทหารซุนเกี๋ยนคนหนึ่งซึ่งรู้เห็น คิดเอาใจออกหากซุนเกี๋ยน จึงเอาเนื้อความไปบอกแก่อ้วนเสี้ยว ๆ จึงเอาตัวทหารนั้นไว้ แล้วปูนบำเหน็จให้เปนอันมาก ครั้นเวลารุ่งเช้าซุนเกี๋ยนจึงไปบอกแก่อ้วนเสี้ยวว่า ข้าพเจ้าป่วยจะขอลาไปอยู่รักษาตัว ณ เมืองเตียงสา อ้วนเสี้ยวหัวเราะแล้วตอบว่า ข้าพเจ้าทราบแล้วซึ่งท่านว่าป่วยจะไปรักษาตัวนั้น เพราะได้ตราหยกสำหรับราชสมบัติหรือ
ซุนเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นทำเปนตกใจจึงถามว่า ผู้ใดมาแจ้งเนื้อความแก่ท่านฉนี้ อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า เราทั้งปวงคิดกันมาหวังจะล้างศัตรูราชสมบัติเสีย ซึ่งท่านได้ตราหยกสำหรับพระมหากษัตริย์ไว้ จงเอามาให้เราซึ่งเปนนายทัพผู้ใหญ่ ถ้าสำเร็จราชการแล้วจะได้ถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้เสวยราชสมบัติสืบไป ซึ่งท่านได้ตราไว้แล้วปิดเนื้อความเสียจะพาเอาไปนั้น ท่านคิดจะเอาราชสมบัติหรือ ซุนเกี๋ยนจึงว่าข้าพเจ้าไม่ได้ตราไว้ เปนไฉนท่านมาขืนว่าดังนี้เล่า อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า เรารู้ว่าได้ไว้เปนมั่นคง จงเร่งเอามาให้เราเสีย ถ้ามิฟังเราก็จะวุ่นวายกันขึ้น
ฝ่ายซุนเกี๋ยนจึงเอามือชี้ฟ้าแล้วสาบาลว่า ถ้าข้าพเจ้าได้ตราหยกไว้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าตายด้วยสายฟ้าแลอาวุธต่าง ๆ เถิด หัวเมืองทั้งปวงจึงห้ามอ้วนเสี้ยวว่า ซุนเกี๋ยนสาบาลแล้วก็แล้วไปเถิด อ้วนเสี้ยวจึงให้เอาทหารซุนเกี๋ยนซึ่งมาบอกเนื้อความนั้นออกมา แล้วจึงถามซุนเกี๋ยนว่าเมื่อท่านให้ทหารทั้งปวงลงไปสักในบ่อนั้นได้ตราขึ้น มานี้ ทหารคนนี้ได้ไปด้วยท่านหรือไม่ ซุนเกี๋ยนเห็นทหารของตัวก็รู้ว่าเอาเนื้อความมาบอกแก่อ้วนเสี้ยว ซุนเกี๋ยนก็โกรธชักกระบี่ออกจะฟันทหารคนนั้นเสีย อ้วนเสี้ยวเห็นดังนั้นจึงชักกระบี่ออกยืนขวางหน้าไว้แล้วว่า ถ้าตัวท่านฆ่าทหารคนนี้เสีย เราก็จะฆ่าตัวท่านเสียเหมือนกัน
ฝ่ายงันเหลียงกับบุนทิวทหารอ้วนเสี้ยวซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเห็นดังนั้นก็ ถอดกระบี่ออกไว้ ข้างเทียเภา อุยกาย ฮันต๋ง ทหารฝ่ายซุนเกี๋ยนก็ชักกระบี่ออกคอยทีอยู่
ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงเห็นดังนั้น ก็ออกไปห้ามเสียทั้งสองข้างแลซุนเกี๋ยนก็ขึ้นม้ากลับมาณที่ชุมนุม ก็จัดแจงทหารทั้งปวงพร้อม แล้วจึงยกออกจากเมืองลกเอี๋ยง
ครั้นอ้วนเสี้ยวรู้ดังนั้นก็แต่งหนังสือบอกเนื้อความนั้นให้ม้าใช้ถือไป ถึงเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วว่า ให้เล่าเปียวคุมทหารออกสกัดรบชิงเอาตราหยกซึ่งซุนเกี๋ยนพาหนีไปนั้นไว้ถวาย พระเจ้าเหี้ยนเต้จงได้ ครั้นเวลารุ่งเช้ากองม้าใช้ซึ่งขึ้นไปสอดแนมนั้นกลับมาบอกอ้วนเสี้ยวว่า บัดนี้ทัพโจโฉซึ่งยกไปตามตั๋งโต๊ะนั้น แตกไปอยู่เมืองโห้ลาย อ้วนเสี้ยวแจ้งดังนั้นจึงแต่งทหารให้ไปรับโจโฉมา ณ เมืองลกเอี๋ยง แล้วให้แต่งโต๊ะเชิญโจโฉกับหัวเมืองทั้งปวงกินโต๊ะ ต่างคนถามข่าวโจโฉ ๆ ทอดใจใหญ่แล้วว่า เดิมข้าพเจ้าคิดอ่านเกลี้ยกล่อมผู้คน แลบอกไปถึงท่านทั้งปวงว่า จะทำนุบำรุงการแผ่นดิน ท่านทั้งปวงเห็นด้วยจึงยกมาช่วยทำการ บัดนี้ตั๋งโต๊ะทิ้งเมืองหลวงเสีย พาพระเจ้าเหี้ยนเต้แลอาณาประชาราษฎรไปข้างทิศตวันตก ข้าพเจ้าได้ว่าให้ท่านทั้งปวงยกตามไป ท่านก็ไม่ยอม ข้าพเจ้ายกทหารตามไปได้รบพุ่งกันเปนสามารถจนข้าพเจ้าเสียทีมาครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้ความอัปยศนัก ท่านทั้งปวงจะคิดประการใด จงเร่งช่วยกันคิด อ้วนเสี้ยวแลหัวเมืองทั้งปวงมิได้ตอบประการใด โจโฉจึงคิดว่าบันดาหัวเมืองทั้งนี้ เห็นจะคิดเอาใจออกจากกันเปนมั่นคง ถึงจะคิดการด้วยสืบไปก็เห็นจะไม่ตลอด โจโฉโกรธจึงออกมาจัดแจงทหารแล้วก็ยกไปเมืองเอ๊งจิ๋ว แลหัวเมืองทั้งนั้นก็กลับไปยังที่ชุมนุม แลกองซุนจ้านจึงว่าแก่เล่าปี่กวนอูเตียวหุยว่า อ้วนเสี้ยวนี้ซึ่งจะคิดการใหญ่นั้นไม่ได้ นานไปเห็นจะมีอันตราย จะพากันได้ความลำบากเสีย เราจงพากันยกไปเมืองจะดีกว่า เล่าปี่กวนอูเตียวหุยเห็นชอบด้วยกองซุนจ้าน ก็ยกทหารไปถึงเมืองเพงงวนก้วน เล่าปี่ก็ลาเข้าอยู่รักษาเมืองดังก่อน กองซุนจ้านก็ยกไปเมืองปักเป๋ง
ฝ่ายเล่าต้ายขาดสเบียง จึงให้ทหารไปยืมสเบียงเตียวเมา ๆ ไม่ให้ เล่าต้ายโกรธ ครั้นเวลากลางคืนก็ยกทหารเข้าตีค่ายฆ่าเตียวเมาตาย แลทหารเตียวเมานั้นก็มาเข้าด้วยเล่าต้ายสิ้น อ้วนเสี้ยวเห็นหัวเมืองทั้งปวงแก่งแย่งทำร้ายแก่กัน ที่ยกกลับไปก็มีบ้าง เห็นการจะทำไม่ตลอด อ้วนเสี้ยวก็คุมทหารยกไปเมืองโห้ลาย แลหัวเมืองซึ่งยังอยู่นั้นต่างคนต่างยกกลับไปเมือง
ฝ่ายเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วนั้น เปนเชื้อพระเจ้าฮั่นโกโจมาแต่ก่อน แลเล่าเปียวนั้นมีที่ปรึกษาเจ็ดคน ชื่อตันเสียงชาวเมืองยีหลำหนึ่ง คงหลิบชาวเมืองโลก๊กหนึ่ง ห้วนขงชาวเมืองปุดไฮหนึ่ง เตียวลีชาวเมืองซันหยงหนึ่ง เตียวเคียมชาวเมืองซันหยงหนึ่ง หงิมติดชาวเมืองลำหยงหนึ่ง ห้วนหงชาวเมืองยีหลำหนึ่ง ทั้งเจ็ดคนนี้เปนเพื่อนสนิธกันกับเล่าเปียวมาแต่ก่อน แลมีทหารเอกสามคนชื่อ เก๊งเหลียง เก๊งอวด ชัวมอสามคนนี้เปนชาวเมืองเอี้ยงเบ๋ง
แลเล่าเปียวครั้นแจ้งหนังสืออ้วนเสี้ยวซึ่งให้มานั้น จึงให้เก๊งอวดกับชัวมอคุมทหารหมื่นหนึ่ง ยกไปสกัดทางซึ่งซุนเกี๋ยนมา แลเก๊งอวดขึ้นไปยืนอยู่หน้าทหารทั้งปวง ซุนเกี๋ยนจึงถามเก๊งอวดว่า ซึ่งท่านยกทหารมาสกัดทางไว้ทั้งนี้จะปราถนาสิ่งอันใด เก๊งอวดจึงตอบว่า ตัวท่านเปนข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตัวก็ได้กินเบี้ยหวัดอยู่ แลตัวพาเอาตราหยกสำหรับพระมหากษัตริย์มานั้น จะเอาไปคิดประการใด จงเอาตราส่งมาให้เรา ๆ จะเอาไปถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ถ้าตัวมิให้เราก็ไม่เปิดทางให้ไป ซุนเกี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงให้อุยกายออกไปจะรบด้วยเก๊งอวด แลชัวมอเห็นก็ขับม้าออกรบกับอุยกายได้เจ็ดเพลง อุยกายจึงเอากระบองเหล็กสี่เหลี่ยมตีถูกอกชัวมอ ๆ ชักม้าหนี ซุนเกี๋ยนจึงไล่ฟันทหารชัวมอไปถึงหน้าเมืองเกงจิ๋ว ซุนเกี๋ยนได้ยินเสียงม้าฬ่อบนเนินเขา จึงแลเห็นเล่าเปียวยกทหารมาเปนอันมาก ซุนเกี๋ยนคำนับเล่าเปียวแล้วจึงว่า ท่านเชื่อฟังหนังสืออ้วนเสี้ยวแลยกทหารมาทำการทั้งนี้ เหมือนหนึ่งไม่เอ็นดูข้าพเจ้า เล่าเปียวจึงตอบว่า ซึ่งท่านพาเอาตราหยกมานี้จะคิดเปนขบถต่อแผ่นดินหรือ ซุนเกี๋ยนจึงว่าถ้าข้าพเจ้าได้ตราหยกมาเหมือนอ้วนเสี้ยวว่ามานั้น ขอให้ข้าพเจ้าตายด้วยอาวุธต่าง ๆ เถิด เล่าเปียวจึงว่าถ้าท่านจะให้เราสิ้นสงสัย จงเรียกทหารซึ่งสนิธของท่านมาให้เราค้นดูจนสิ้นทุกคนเราจึงจะเชื่อ ซุนเกี๋ยนได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงว่าเราสาบาลตัวแล้วยังไม่เชื่อเล่า ท่านจะมีฝีมือกล้าหาญประการใดเราจะขอลองดู เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นก็ยกทหารทำเปนถอยมา ซุนเกี๋ยนขับม้าไล่ไปถึงเขาสองข้างทาง แลทหารเล่าเปียวซึ่งซุ่มอยู่นั้นก็ออกรบกระหนาบ แลชัวมอเก๊งอวดซึ่งหนีซุนเกี๋ยนนั้น ก็ขับม้าคุมทหารอ้อมทางขึ้นไป ตีกระหนาบหลังซุนเกี๋ยนลงมา เล่าเปียวก็ให้ทหารตีเปนหน้ากระดานขึ้นไป ซุนเกี๋ยนนั้นรบอยู่กลางทหารเล่าเปียว แลอุยกายเทียเภาฮันต๋งเห็นเสียทหารเปนอันมาก แล้วทหารเล่าเปียวล้อมซุนเกี๋ยนไว้ อุยกายเทียเภาฮันต๋งจึงรบหักเข้าไปแก้ซุนเกี๋ยนออกมาได้ แล้วก็พาทหารซึ่งเหลือมานั้นยกไปเมืองกังตั๋ง แต่นั้นมาเล่าเปียวกับซุนเกี๋ยนก็มีใจพยาบาทกัน
[๑] มีในเรื่องเลียดก๊ก
[๒] พระเจ้าจิ๋นอ๋องกับพระเจ้าจิ๋นซีอ๋ององค์เดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น