คำคม จูล่ง
ประวัติย่อของ จูล่ง
จูล่ง (จีนตัวย่อ: 子龙; จีนตัวเต็ม: 子龍; พินอิน: Zǐlóng) เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊ก ที่มีตัวตนจริง มีชื่อจริงว่า เตียวหยุน (จีนตัวย่อ: 赵云; จีนตัวเต็ม: 趙雲;พินอิน: Zhào Yún) แม่ทัพคนสำคัญของเล่าปี่ และเป็นหนึ่งในห้าทหารเสือของจ๊กก๊ก
จูล่ง ได้รับฉายาว่าเป็น "สุภาพบุรุษแห่งเสียงสาน" เกิดในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 2 ประมาณปี ค.ศ. 161 ที่อำเภอเจินติ้ง เมืองเสียงสาน มีแซ่เตียว (จ้าว) ชื่อ หยุน (แปลว่าเมฆ) ชื่อรอง จูล่ง หรือ จื่อหลง (แปลว่าบุตรมังกร) สูงประมาณ 6 ศอก (1.89 เมตร) หน้าผากกว้างดั่งเสือ ตาโต คิ้วดก กรามใหญ่กว้างบ่งบอกถึงนิสัยซื่อสัตย์ สุภาพเรียบร้อย น้ำใจกล้าหาญ สวมเกราะสีขาว ใช้ทวนยาวเป็นอาวุธ
จูล่ง ได้รับฉายาว่าเป็น "สุภาพบุรุษแห่งเสียงสาน" เกิดในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 2 ประมาณปี ค.ศ. 161 ที่อำเภอเจินติ้ง เมืองเสียงสาน มีแซ่เตียว (จ้าว) ชื่อ หยุน (แปลว่าเมฆ) ชื่อรอง จูล่ง หรือ จื่อหลง (แปลว่าบุตรมังกร) สูงประมาณ 6 ศอก (1.89 เมตร) หน้าผากกว้างดั่งเสือ ตาโต คิ้วดก กรามใหญ่กว้างบ่งบอกถึงนิสัยซื่อสัตย์ สุภาพเรียบร้อย น้ำใจกล้าหาญ สวมเกราะสีขาว ใช้ทวนยาวเป็นอาวุธ
พาหนะคู่ใจ คือ ม้าสีขาว
คำคม จูล่ง
- “ความแค้นข้างโจผีนี้ให้เจ็บใจทั่วกัน ทั้งขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยแลราษฎรทั้งปวง ฝ่ายความแค้นข้างซุนกวนนี้ให้เจ็บใจ แต่พระองค์เป็นแต่พี่น้อง ขอให้พระองค์ไปแก้แค้นโจผีเถิด เห็นว่าจะชอบใจคนทั้งปวง”
- “ข้าพเจ้าทำศึกแต่หนุ่มจนอายุเพียงนี้ ก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำเสียทีให้ข้าศึกดูหมิ่นได้ เกิดมาเป็นชาติทหารแล้วถึงจะตาย ก็ไม่เสียดายแก่ชีวิต จะให้ปรากฏชื่อไปภายหน้า”
- “แม้จะฆ่ามึงเสียบัดนี้ก็เหมือนฆ่าสตรีหาต้องการไม่ กูปล่อยเสียให้ทานชีวิต แล้วมึงเร่งกลับไปบอกให้นายมึง รีบยกมาสู้กับกูเถิด กูจะคอยท่าอยู่”
- “แต่ข้าพเจ้าเที่ยวมาทุกเมือง จะหาที่พึ่งซึ่งมีน้ำใจโอบอ้อมอารีเหมือนท่านนี้ก็ไม่มี บัดนี้เป็นบุญของข้าพเจ้าได้กลับมาพบท่าน ข้าพเจ้าจะขออยู่เป็นบ่าวท่าน ถึงมาตรว่าจะได้ยากลำบากเป็นประการใด ข้าพเจ้าจะขออาสาไปกว่าจะสิ้นชีวิต”
- “บัดนี้นางกำฮูหยินพลัดไป ยังหาตัวไม่ เราจะสืบเสาะหาให้จงได้จึงจะกลับไป ถ้าเรามิได้นางกำฮูหยิน แม้จะเป็นตายประการใดก็มิได้คิดชีวิต”
- “อันตัวข้าพเจ้านี้ ถึงตายก็จะเอาโลหิตทาแผ่นดินไว้ให้ปรากฏ จะขอสนองคุณท่าน”
- “เรามานี่ก็พ้นเมืองฉสองกุ๋น จะเข้าแดนเมืองเกงจิ๋วอยู่แล้ว เหมือนหนึ่งหนีเสือออกจากจั่นได้ ท่านอย่าวิตกเลย เราทำสงครามสำเร็จครั้งนี้เพราะความคิดขงเบ้ง บัดนี้เรามาถึงแดนเมืองเราแล้ว เห็นขงเบ้งจะคิดอ่านมาช่วยเราเป็นมั่นคง”
- “เล่าปี่นายข้าพเจ้ามีบุตรผู้เดียว ที่เป็นสายโลหิตในอกรักดังดวงใจ แลเมื่อครั้งทุ่งเตียงปันโบ๋ ข้าพเจ้าอุตส่าห์ตีฝ่าทหารร้อยหมื่น เข้าไปมิได้คิดแก่ชีวิต ก็เพราะประสงค์อาเต๊าแก้วตาของเล่าปี่ ปิ้มตัวข้าพเจ้าจะตายในท่ามกลางทหารโจโฉ ควรหรือท่านจะมาพาอาเต๊าดวงใจของเล่าปี่ไปด้วย”
- “แม้ท่านจะขืนเอาอาเต๊าไป ถึงชีวิตข้าพเจ้าจะตายอยู่ที่นี่ก็ตามเถิด ข้าพเจ้าก็มิให้เอาไป”
- “เมื่อครั้งเรารบที่เมืองลกเอี๋ยง เราขี่ม้าถือทวนอยู่แต่ผู้เดียว ทหารโจโฉถึงแปดสิบหมื่นดูเหมือนหญ้าแพรก บัดนี้มีทั้งนายแลพลทหาร เหตุใดจะกลัวข้าศึกอีกเล่า”
- “ถ้ามิกำจัดโจผีเสียก่อนแล้ว จะยกไปตีซุนกวนทีเดียว เห็นว่าโจผีจะยกไปช่วยซุนกวน เห็นการเราจะทำไปนั้นจะขัดสน การทั้งนี้เป็นการใหญ่ ขอให้พระองค์ตรึกตรองพิเคราะห์จงละเอียด”
- “ตัวเราทำศึกมาแต่ครั้งพระเจ้าเล่าปี่ ก็ไม่เคยอัปยศแก่ผู้ใด ควรหรือมาเสียทีแพ้รู้อ้ายแฮหัวหลิมลูกเล็กได้ หากว่าเตียวเปา กับกวนหินหลานเรายกมาช่วย เราจึงรอดจากความตาย บัดนี้เตียวเปากับกวนหิน เขาก็ยกตามแฮหัวหลิมขึ้นไปแล้ว ตัวเราคนแก่นี้จะลากกายตามไปแก้แค้นให้จงได้”
- “มหาอุปราชดูหมิ่นว่าเราแก่ กลัวจะได้ความอัปยศแก่ข้าศึก ตัวเราถึงมาตรว่าแก่ฉะนี้แล้ว แม้จะให้สู้กับทหารหนุ่มที่มีวิชา แลฝีมือ เราก็ไม่กลัว”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น