วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

นิราศพระประธม นิราศเรื่องที่ ๙ ของสุนทรภู่

 นิราศพระประธม เป็นผลงานกวีนิพนธ์แบบกลอนประพันธ์โดยสุนทรภู่ สันนิษฐานว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 หลังจากลาสิกขาบทแล้วและอยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ สุนทรภู่น่าจะเดินทางในช่วงฤดูหนาว ปี พ.ศ. 2385 ด้วยปรากฏในบทนิราศว่าเดินทางไปโดยการพายเรือ ซึ่งควรต้องไปในฤดูน้ำขึ้น ต้นฉบับสมุดไทยนิราศพระประธม จำนวน 4 ฉบับ เก็บรักษาที่หอสมุดแห่งชาติ มีความแตกต่างทางระดับถ้อยคำและบางแห่งมีความแตกต่างในหลายคำกลอน

เนื้อหาโดยย่อ และเส้นทางการเดินทาง

นิราศพระประธมกล่าวถึงการเดินทางของสุนทรภู่และบุตรชายคือตาบและนิลไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เดินทางทางเรือออกจากบริเวณพระราชวังเดิมผ่านสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ วัดระฆัง คลองบางกอกน้อย ผ่านตลาดแพ พระราชวังหลังสถานที่ที่สุนทรภู่เคยรับราชการ บางหว้าน้อย วัดสุวรรณารามราชวรวิหารเป็นสถานที่ทำศพของฉิมและนิ่มน้องสาวต่างบิดาของสุนทรภู่ วัดศรีสุดารามวรวิหาร สถานที่ที่กวีเคยบวชอยู่

จังหวัดนนทบุรี เดินทางผ่านบางสนาม วัดเกด วัดชลอ บางกรวย บางสีทอง บางอ้อช้าง วัดสักใหญ่ บางขนุน บางขุนกอง บางนายไก บางระนก บางคูเวียง บางม่วง บางใหญ่ บางกระบือ บางสุนัขบ้า บางโสน บ้านใหม่ธงทอง คลองโยง บางเชือก เข้าจังหวัดนครปฐม เดินทางผ่านลานตากฟ้า งิ้วราย สำประทวน ปากน้ำสำประโทน บางแก้ว โพเตี้ย บางกระชับ วัดสิงห์ วัดท่าใน ต่อจากนั้นได้นั่งเกวียนต่อไปบ้านกล้วย บ้านธรรมศาลา บ้านเพนียด และพระปฐมเจดีย์

๏ ถวิลวันจันทร์ทิวาขึ้นห้าค่ำ
ลงนาวาคลาเคลื่อนออกเลื่อนลำพอฆ้องย่ำยามสองกลองประโคม
น้ำค้างย้อยพร้อยพรมเปนลมว่าวอนาถหนาวนึกเคยได้เชยโฉม
มาสูญเหมือนเดือนดับพยับโพยมให้ทุกขโทมนัสในฤทัยครวญ
โอ้น่าหนาวคราวนี้เปนที่สุดจะจากนุชแนบข้างไปห่างหวน
นิราศร้างห่างเหให้เรรวนมิได้ชวนเจ้าไปชมประธมประโทน
ที่ปลูกรักจักได้ชื่นทุกคืนค่ำก็เตี้ยต่ำตายฝอยกรองกร๋อยโกร๋น
ที่ชื่นเชยเคยรักเหมือนหลักประโคนก็หักโค่นขาดสูญประยูรวงศ
ยังเหลือแต่แม่ศรีสาครอยู่ไปสิงสู่เสน่หานางเสาหงส์
จะเชิญเจ้าเท่าไรก็ไม่ลงให้คนทรงเสียใจมิได้เชย
วัดระฆังตั้งแต่เสร็จสำเร็จศพไม่พานพบภคินีเจ้าพี่เอ๋ย
โอ้แลเหลียวเปลี่ยวใจกระไรเลยมาชวดเชยโฉมหอมถนอมนวล
จนนาวาคลาล่องเข้าคลองขวางตำบลบางกอกน้อยละห้อยหวน
ตลาดแพแลตลอดเขาทอดพรวนแต่แลล้วนเรือตลาดไม่ขาดคราว
ทุกเรือนแพแลลับระงับเงียบยิ่งเย็นเยียบยามดึกให้นึกหนาว
ในอากาศกลาดเกลื่อนด้วยเดือนดาวเปนลมว่าวเฉื่อยฉิวหวิวหัวใจ
โอ้บางกอกกอกเลือดให้เหือดโรคอันความโศกนี้จะกอกออกที่ไหน
แม้นได้แก้วแววตามายาใจแล้วก็ไม่พักกอกดอกจริงจริง
ดูวังหลังยังไม่ลืมที่ปลื้มจิตเคยมีมิตรมากมายทั้งชายหญิง
เมื่อยามดึกนึกถึงที่พึ่งพิงอนาถนิ่งนึกน่าน้ำตานอง
บางว้าน้อยน้อยจิตรด้วยพิสมัยน้อยฤๅใจจืดจางให้หมางหมอง
หมายว่ารักจักได้พึ่งเหมือนหนึ่งน้องให้เจ้าของขายหน้าทั้งตาปี
ถึงวัดทองหมองเศร้าให้เหงาเงียบเย็นยะเยียบหย่อมหญ้าป่าช้าผี
สงสารฉิมนิ่มน้องสองนารีมาปลงที่เมรุทองทั้งสองคน
ขอบุญญานิสงส์จำนงสนองช่วยส่งสองศรีสวัสดิ์ไปปฏิสนธิ์
ศิวาลัยไตรภพจบสกลประจวบจนจะได้พบประสบกัน
ทั้งแก้วเนตรเกสรามณฑาทิพย์จงลอยลิบลุล่วงถึงสรวงสวรรค์
จะเกิดไหนได้อยู่คู่ชีวันอย่ามีอันตรายเปนเหมือนเช่นนี้ ฯ
๏ วัดปะขาวขาวเหลือเชื่อไม่ได้ด้วยดวงใจเจ้านั้นคล้ำดำมิดหมี
แม้นแม่ม่ายขาวโศกโฉลกมีเหมือนแม่ศรีสาครฉะอ้อนเอว
โอ้เคราะห์กรรมจำคลาศนิราศร้างเพราะขัดขวางความในเหมือนไขว่เฉลว
ทั้งเกลียดสิ้นนินทาพาลาเลวเหมือนต้องเปลวปลิวต้องให้หมองมอม
เสียดายแต่แม่ศรีเจ้าพี่เอ๋ยจะชวดเชยชวดชมภิรมย์ถนอม
เหมือนดอกไม้ไกลแดนเพราะแตนตอมใครแปลงปลอมปลิดสอยมันต่อยตาย ฯ
๏ บางตำรุเหมือนบำรุบำรุงรักจะพึ่งพักพิศวาสเหมือนมาทหมาย
ไม่เหมือนนึกตรึกตรองเพราะสองรายเห็นฝักฝ่ายเฟือนลงด้วยทรงโลม
พอสิ้นแพแลล้วนสวนสงัดพยุพัดฮือฮือกระพือโหม
ยิ่งดึกดาววาววามดังตามโคมน้ำค้างโทรมแสนหนาวให้เปล่าใจ
บางขุนนนต้นลำภูดูหิ่งห้อยเหมือนเพ็ชรพลอยพรายพร่างสว่างไสว
จังหรีดร้องซร้องเสียงเรียงเรไรจะแลไหนเงียบเหงาทุกเหย้าเรือน
บางระมาดมาทหมายสายสวาทว่าสมมาทเหมือนใจแล้วไม่เหมือน
แสนสวาทมาทหมายมาหลายเดือนมิคลาเคลื่อนแคล้วคลาศประหลาดใจ
วัดไก่เตี้ยไม่เห็นไก่เห็นไทรต่ำกอระกำแกมสละขึ้นไสว
หอมระกำก็ยิ่งช้ำระกำใจระกำไม่เหมือนระกำที่ช้ำทรวง
ถึงวนหลวงหวงห้ามเหมือนความรักเหลือจักหักจับต้องเปนของหลวง
แต่รวยรินกลิ่นผกาบุปผาพวงระรื่นร่วงเรณูฟูขจร
โอ้ไม้ต้นคนเฝ้าเสาวรสยังปรากฎกลิ่นกล่อมหอมเกสร
แต่โกสุมภุมรินมาบินวอนไม่ดับร้อนร่วงกลิ่นให้ดิ้นโดย
ดึกกำดัดสัตว์อื่นไม่ตื่นหมดแต่นกกดร้องเร้ากระเหว่าโหย
ระรวยรินกลิ่นโศกมาโบกโบยโอ้โศกโรยแรมร้างมาห่างจร
ถึงบางขวางปางก่อนว่ามอญขวางเดี๋ยวนี้นางไทยลาวแก่สาวสลอน
ทำยศอย่างขวางแขวนแสนแสงอนถึงนางมอญก็ไม่ขวางเหมือนนางไทย
วัดพิกุลฉุนกลิ่นระรินรื่นโอ้หอมชื่นเชยกับรสแป้งสดใส
เหมือนพิกุลอุ่นทรวงพวงมาไลยพี่เคยใส่หัตถ์หอมถนอมนวล
โอ้ยามนี้มิได้เชยเหมือนเคยชื่นมาหอมรื่นแต่ดอกไม้ที่ในสวน
พระพายโชยโรยรินกลิ่นลำดวนเหมือนจะชวนชูใจเมื่อไกลเชย
บางผักหนามนึกขามแต่หนามเสี้ยนหนามทุเรียนลักฉีกอีกเจ้าเอ๋ย
ที่กีดขวางทางความแต่หนามเตยไม่น่าเชยน่าชังล้วนรังแตน
ถึงสวนแดนแสนเสียดายสายสวาทมาสิ้นชาติปรโลกยิ่งโศกแสน
ไปสวรรค์ชั้นบนคนละแดนไม่ร่วมแผ่นภพโลกยิ่งโศกใจ
ถึงวัดเกษเจตนาแต่การะเกษไม่สมเจตนาน่าน้ำตาไหล
เคยลับเนตรเกษน้อยกลอยฤทัยมาจำไกลกลืนกลั้นที่รัญจวน
น้ำค้างพรมลมชายระบายโบกหอมดอกโศกเศร้าสร้อยละห้อยหวน
เหมือนโศกร้างห่างเหเสน่ห์นวลมาถึงสวนโศกช้ำระกำทรวง
เห็นรักน้ำคร่ำคร่าไม่น่ารักจะเด็จหักเสียก็ได้เขาไม่หวง
แต่ละต้นผลลูกดังผูกพวงก็โรยร่วงเปล่าหมดไม่งดงาม
เหมือนรักคนคนรักทำยักยอกจะเก็บดอกเด็จผลคนก็ขาม
แม้นยางลูกถูกหัดถ์มันกัดลามเหมือนรำรามรักรายริมชายพง
วัดฉะลอใครหนอฉะลอฉลาดเอาอาวาสมาไว้ให้อาศรัยสงฆ์
ช่วยฉะลอวรลักษณ์ที่รักทรงให้มาลงเรือร่วมนวมที่นอน
ถนอมแนบแอบอุ้มประทุมน้อยแขนจะคอยเคียงวางไว้ต่างหมอน
เมื่อปลื้มใจไสยาอนาทรจะกล่าวกลอนกล่อมขนิษฐให้นิทรา
เห็นคลองขวางบางกรวยระทวยจิตรไม่ลืมคิดนิ่มน้อยละห้อยหา
เคยร่วมสุขทุกข์ร้อนแต่ก่อนมาโอ้สิ้นอายุเจ้าได้เก้าปี
แต่ก่อนกรรมนำสัตว์ให้พลัดพรากจึงจำจากนิ่มน้องให้หมองศรี
เคยไปมาหาน้องในคลองนี้เห็นแต่ที่ท้องคลองนองน้ำตา
สงสารบุตรสุดเศร้าทุกเช้าค่ำด้วยเปนกำพร้าแม่ชะแง้หา
เขม้นมองคลองบ้านดูมารดาเช็ดน้ำตาโทรมทราบลงกราบกราน
ยิ่งตรองตรึกดึกดื่นสอื้นอั้นจนไก่ขันเจื้อยเจ๊กวิเวกหวาน
เหมือนนิ่มน้องร้องเรียกสำเนียกนานเจียนจะขานหลงแลฉแง้คอย
บางศรีทองคลองบ้านน้ำตาลสดอร่อยรสซาบซ่านหวานคอหอย
เหมือนปากพี่ศรีทองของน้องน้อยเปนคู่บอกดอกสร้อยสักระวา
ทุกวันนี้พี่เถ้าเราก็หง่อมเธอเปนจอมเราเปนจนต้องบ่นหา
โอ้จอมพี่ศรีทองของน้องยาเมื่อไรจะพาพิมน้อยมากลอยใจ
บางอ้อยช้างโอ้ช้างที่ร้างโขลงมาอยู่โรงรักป่าน้ำตาไหล
พี่คลาศแคล้วแก้วตาให้อาไลยเหมือนอกไอยราร้างฝูงนางพัง
พอจวนรุ่งฝูงนกวิหคร้องประสานซ้องเซงแซ่ดังแตรสังข์
กระเหว่าหวานขานเสียงสำเนียงดังเหมือนชาววังหวีดเสียงสำเนียงนวล
อโณทัยไตรตรัสจำรัสแสงกระจ่างแจ้งแจ่มฟ้าพฤกษาสวน
หอมดอกไม้หลายพรรณให้รัญจวนเหมือนกลิ่นนวลน้ำกุหลาบซึ่งอาบทรวง
โอ้บุบผาสารพัดที่กลัดกลีบครั้นรุ่งรีบบานงามไม่ห้ามหวง
ให้ชื่นชุ่มภุมรินสิ้นทั้งปวงได้ทราบทรวงเสาวรสไม่อดออม
แต่ดอกฟ้าสาหรีเจ้าพี่เอ๋ยมิหล่นเลยละให้หมู่แมงภู่หอม
จะกลัดกลิ่นสิ้นรสให้มดตอมจนหายหอมแห้งกรอกเหมือนดอกกลอย
ถึงวัดสักเหมือนหนึ่งรักที่ศักดิ์สูงยิ่งกว่าฝูงเขาเหิรเห็นเกินสอย
แม้นดอกฟ้าคลาเคลื่อนหล่นเลื่อนลอยจะได้คอยเคียงรับประคับประคอง
บางขนุนขุนกองมีคลองกว้างว่าเดิมบางชื่อถนนเขาขนของ
เปนเรื่องหลังครั้งคราวท้าวอู่ทองแต่คนร้องเรียกเฟือนไม่เหมือนเดิม
สุดาใดได้เปนเพื่อนอย่าเหมือนพี่เหมือนมณีนพรัตนฉัตรเฉลิม
อันน้ำในใจรักช่วยตักเติมให้พูลเพิ่มพิศวาสอย่าคลาศคลาย
บางนายไกรไกรทองอยู่คลองนี้ชื่อจึงมีมาทุกวันเหมือนหมั่นหมาย
ไปเข่นฆ่าชาละวันให้พลันตายเปนเลิศชายเชี่ยวชาญการวิชา
ได้ครอบครองสองสาวชาวพิจิตรสมสนิทนางจรเข้เสน่หา
เหมือนตัวพี่นี้ได้ครองแต่น้องยาจะเกื้อหน้าพางามขึ้นครามครัน
ถึงคลองขวางบางระนกโอ้อกพี่แม้นปีกมีเหมือนหนึ่งนกจะผกผัน
ไปอุ้มแก้วแววตาพาจรัลมาด้วยกันนั้นทั้งคู่ที่อยู่ริม
คงร่วมเรือเมื่อว่าตื่นสอื้นอ้อนจะคอยช้อนโฉมอุ้มไม่หยุมหยิม
ให้แย้มสรวลชวนเสบยเฝ้าเชยชิมกว่าจะอิ่มอกแอบแนบนิทรา
บางคูเวียงเสียงเงียบเชียบสงัดเปนจังหวัดแถวสวนล้วนพฤกษา
ดูรูปนางบางคูเวียงเหมือนเหนี่ยงนาไม่เหมือนหน้านางนั่งในวังเวียง
เห็นโรงหีบหีบอ้อยเขาคอยป้อนมีคนต้อนควายตวาดไม่ขาดเสียง
เห็นน้ำอ้อยย้อยรางที่วางเรียงโอ้พิศเพียงชลนาพี่จาบัลย์
อันลำอ้อยย่อยยับเหมือนทับอกน้ำอ้อยตกเหมือนน้ำตาตวงกว่าขัน
เขาโหมไฟในโรงโขมงควันให้อัดอั้นอกกลุ้มรุมระกำ
อันน้ำในใจคนเหมือนต้นอ้อยข้างปลายกร่อยชืดชิมไม่อิ่มหนำ
ต้องหันหีบหนีบแตกให้แหลกลำนั้นแลน้ำจึงจะหวานเพราะจานเจือ
ถึงบางม่วงง่วงจิตรคิดถึงม่วงแต่จากทรวงเสียใจอาลัยเหลือ
มะม่วงงอมหอมหวนเหมือนนวลเนื้อมิรู้เบื่อบางม่วงเหมือนดวงใจ
เห็นต้นรักหักโค่นต้นสนัดเปนรอยตัดรักขาดให้หวาดไหว
เหมือนตัดรักตัดสวาทขาดอาลัยด้วยเห็นใจเจ้าเสียแล้วนะแก้วตา
ถึงบางใหญ่ให้จอดทอดประทับเข้าเคียงกับกิ่งรักไม่หักหา
เมื่อกินเข้าเขาก็หักใบรักมาจิ้มปลาร้าลองดูด้วยอยู่ริม
อร่อยนักรักอ่อนปลาช่อนย่างเปรียบเหมือนอย่างเนื้อนุ่มที่หยุมหยิม
อยากรู้จักรักใคร่พึ่งได้ชิมชอบแต่จิ้มปลาร้าจึงพารวย
โอ้รักต้นคนรักเขาหักให้ไม่ตัดได้เด็จรักไม่พักฉวย
แต่รักน้องต้องประสงค์ถึงงงงวยใครไม่ช่วยชักนำสู้กล้ำกลืน
เสพย์อาหารหวานคาวเมื่อคราวยากล้วนของฝากเฟื่องฟูค่อยชูชื่น
แต่มะแป้นแกนในจะไปคืนของอื่นอื่นอักโขล้วนโอชา
แต่สิ่งของน้องรักฟักจันอับแช่อิ่มพลับผลชิดเปนปฤษณา
พี่จะจากฝากปิดสนิทมาเหมือนแก้วตาตามติดมาชิดเชื้อ
แผ่นขนุนวุ้นแท่งของแห้งสิ้นแต่ละชิ้นชูใจอาลัยเหลือ
ได้ชื่นชิมอิ่มหนำทั้งลำเรือเพราะน้องเนื้อนพคุณกรุณา
แล้วเข้าทางบางใหญ่ครรไลยล่องไปตามคลองเคลื่อนคล้อยละห้อยหา
เห็นสิ่งไรในจังหวัดรัถยาสอื้นอาลัยถึงคนึงนวล
แม้นแก้วตามาเห็นเหมือนเช่นนี้จะยินดีด้วยดอกไม้ที่ในสวน
ไม่แจ้งนามถามพี่จะชี้ชวนชมลำดวนดอกซ่มต้นนมนาง
ที่ริมน้ำง้ำเงื้อมจะเอื้อมหักเอายอดรักให้น้องเมื่อหมองหมาง
ไม่เหมือนหมายสายสวาทมาขาดกลางโอ้อ้างว้างวิญญาในสาคร
บางกระบือเห็นกระบือเหมือนชื่อย่านแสนสงสารสัตว์นาฝูงกาษร
ลงปลักเปือกเกลือกเลนระเนนนอนเหมือนจะร้อนรนร่ำทุกค่ำคืน
โอ้อกพี่นี้ก็ร้อนด้วยความรักถึงฝนสักแสนห่าไม่ฝ่าฝืน
ไม่เหมือนรสพจมาลย์เมื่อวานซืนจะชูชื่นใจพี่ด้วยปรีดิ์เปรม
โอ้เปรียบชายคล้ายนกวิหคน้อยจะเลื่อนลอยลงสรงกับหงส์เหม
ได้ใกล้เคียงเมียงริมจะอิ่มเอมแสนเกษมสุดสวาทไม่คลาศคลาย
ถึงคลองย่านบ้านบางสุนัขบ้าเหมือนขี้ข้านอกเจ้าเฉาฉงาย
เปนบ้าจิตรคิดแค้นด้วยแสนร้ายใครใกล้กรายเกลียดกลัวทุกตัวคน
ถึงลำคลองช่องกว้างชื่อบางโสนสอื้นโอ้อ้างว้างมากลางหน
โสนออกดอกระย้าริมสาชลบ้างร่วงหล่นแลงามเมื่อยามโซ
_แต่ต้นกระเบาเขาไม่ใช้เช่นใจหญิงเบาจริงจริงเจียวใจเหมือนไม้โสน
เห็นตะโกโอ้แสนแค้นตะโกถึงแสนโซสุดคิดไม่ติดตาม
พอสุดสวนล้วนแต่เหล่าเถาสวาทขึ้นพันพาดเพ่งพิศให้คิดขาม
ชื่อสวาทพาดเพราะเสนาะนามแต่ว่าหนามรกระเกะระกะกาง
สวาทต้นคนต้องแล้วร้องอุ่ยด้วยรุกรุยรกเรื้อรังเสือสาง
แต่ชั้นลูกถูกต้องเปนกองกลางเปรียบเหมือนอย่างลูกสวาทศรียาตรา
ริมลำคลองท้องทุ่งดูวุ้งเวิ้งด้วยน้ำเจิ่งจอกผักขึ้นหนักหนา
ดอกบัวเผื่อนเกลื่อนกลาดดาษดาสันตวาสายติ่งต้นลินจง
ถึงบ้านใหม่ธงทองริมคลองลัดที่หน้าวัดเห็นเขาปักเสาหงส์
ขอความรักหนักแน่นให้แสนตรงเหมือนคันธงแท้เที่ยงอย่าเอียงเอน
ได้ชมวัดศรัทธาสาธุสะไหว้ทั้งพระปฏิมามหาเถร
นาวาล่องคล่องแคล่วเขาแจวเจนเฟือยระเนนน้ำพร่างกระจ่างกระจาย
ดูชาวบ้านพรานปลาทำลามกเที่ยวดักนกยิงเนื้อมาเถือขาย
เปนทุ่งนาป่าไม้ร่ำไรรายพวกหญิงชายชาวเถื่อนอยู่เรือนโรง
ที่ริมคลองสองฝั่งเขาตั้งบ้านน่าสำราญเรียงรันควันโขมง
ถึงฉวากปากช่องชื่อคลองโยงเปนทุ่งโล่งลิบลิ่วหวิวหวิวใจ
มีบ้านช่องสองฝั่งชื่อบางเชือกล้วนตมเปือกเปอะปะสวะไสว
ที่เรือน้อยลอยล่องค่อยคล่องไปที่เรือใหญ่โป้งโล้งต้องโยงควาย
เวทนากาษรสู้ถอนถีบเขาตีรีบเร่งไปน่าใจหาย
ถึงแสนชาติจะมาเกิดกำเนิดกายอย่าเปนควายรับจ้างที่ทางโยง
ตามแถวทางกลางย่านนั้นบ้านว่างเขาปลูกสร้างศาลาเปิดฝาโถง
เจ๊กจีนใหม่ไทยมั่งไปตั้งโรงขุดร่องน้ำลำกระโดงเขาโยงดิน
ดูทุ่งกว้างวางเวกหมอกเมฆมืดบรรพตพืดภูผาพนาสิน
ฝูงวิหคนกกาเที่ยวหากินตามที่ถิ่นเขตรแคว้นทุกแดนดาว
บ้างเดิรดินบินว่อนขึ้นร่อนร้องริมขอบหนองนกกระกรุมคุ่มคุ่มขาว
ค้อนหอยย่องมองปลาแข้งขายาวอีโก้งก้าวโก้งเก้งเขย่งตัว
กระทุงทองล่องเลื่อนดูเกลื่อนกลาดไม่คลาคลาศคลอเคลียเหมือนเมียผัว
มีต่างต่างยางกรอกนกดอกบัวเที่ยวเดิรยั้วเยี้ยย่องที่ท้องนา
นกกระจาบขาบคุ่มอีลุ้มร่อนดูว้าว่อนเวียนเร่ในเวหา
เห็นยางเจ่าเซาจับคอยสับปลานกกระสาซ่องซ่องค่อยย่องเดิร
โอ้ดูนกอกใจให้ไหวหวาดยามนิราศเริศร้างมาห่างเหิน
เห็นสิ่งไรใจพี่ไม่มีเพลินส่วนเรือเดิรด่วนไปใจจะคืน
จะออกช่องคลองโยงเห็นโรงบ้านเขาเรียกลานตากฟ้าค่อยพาชื่น
โอ้แผ่นฟ้ามาตากถึงภาคพื้นน่าจะยืนหยิบเดือนได้เหมือนใจ
เจ้าหนูน้อยพลอยว่าฟ้าตกน้ำใครช่างด้ำยกฟ้าขึ้นมาได้
แม้นแดนดินสิ้นฟ้าสุราไลยจะเปล่าใจจริงจริงทั้งหญิงชาย
โอ้ฟังบุตรสุดสวาทฉลาดเปรียบต้องทำเนียบนึกไปก็ใจหาย
ถึงแขวงแควแลลิ่วชื่องิ้วรายสอื้นอายออกความเหมือนนามงิ้ว
งามเสงี่ยมเอี่ยมอิ่มเมื่อพริ้มพักตร์ดูน่ารักเรือนผมก็สมผิว
แสนสุภาพกราบก้มประนมนิ้วเหมือนโฉมงิ้วงามราวกับชาววัง
ถึงย่านน้ำสำประทวนรำจวนจิตรเหมือนใจคิดทวนทบตลบหลัง
ไปลอบโลมโฉมเฉกที่เมฆบังเปรียบเหมือนนั่งแอบอุ้มทุกทุ่มโมง
ถึงปากน้ำลำคลองที่ท้องทุ่งเจ๊กเขาหุงเหล้ากลั่นควันโขมง
มีรางรองสองชั้นทำคันโพงผูกเชือกโยงยืนชักคอยตักเติม
น่าชมบุญขุนพัฒน์ไม่ขัดข้องมีเงินทองทำทวีภาษีเสริม
เมียน้อยน้อยพลอยเปนสุขไรจุกเจิมได้พูลเพิ่มวาสนาเสียกว่าไทย
ทุกวันนี้มีทรัพย์เขานับถือเหมือนเราฤๅเขาจะรักมิผลักไส
สงสารจนอ้นอั้นให้ตันใจจนเข้าในปากน้ำสำประโทน
ริมลำคลองสองฝั่งสพรั่งพฤกษ์พินิจนึกเหมือนหนึ่งเขียนบ้างเกรียนโกร๋น
นกอีลุ้มคุ่มขาบจิบจาบโจนกระพือโผนโผผินขึ้นบินโบย
บนไม้สูงฝูงเปล้านกเค้ากู่กระลุมภูโพระโดกเสียงโหวกโหวย
วิเวกใจได้ยินยิ่งดิ้นโดยละห้อยโหยหาน้องในคลองลัด
พอมืดมนฝนคลุ้มฉอุ่มอับโพยมพยับเปนพยุระบุระบัด
เสียงลมลั่นบันลือกระพือพัดพิรุณซัดสาดสายลงพรายพราว
ฟ้ากระหึมครึมครั่นให้ปั่นป่วนเหมือนพี่ครวญคราวทนน้ำฝนหนาว
แวมสว่างอย่างแก้วดูแวววาวเปนเรื่องราวรามสูรอาดูรทรวง
เพราะนางเอกเมขลาหล่อนฬ่อแก้วจะให้แล้วแล้วไม่ให้ด้วยใจหวง
เหมือนรักแก้วแววฟ้าสุดาดวงเฝ้าหนักหน่วงนึกเหมือนจะเคลื่อนคลา
ถึงบางแก้วแก้วอื่นสักหมื่นแสนไม่เหมือนแม้นแก้วเนตรของเชษฐา
ดูรูปนางบางแก้วไม่แผ้วตาไม่เหมือนหน้าน้องแก้วที่แคล้วกัน
จนเกินย่านบ้านคลองที่ท้องทุ่งเปนเขตรคุ้งขอบป่าพนาสัณฑ์
ทุกถิ่นเถื่อนเรือนโรงโขมงควันเปนสำคัญเขตรโขดโตนดตาล
ถึงโพเตี้ยโพต่ำเหมือนคำกล่าวแต่โตราวสามอ้อมเท่าพ้อมสาน
เปนเรื่องราวจ้าวฟ้าพระยาภานมาสังหารพระยากงส์องค์บิดา
แล้วปลูกพระมหาโพธิบนโขดใหญ่พะเอิญให้เตี้ยต่ำเพราะกรรมหนา
อันเท็จจริงสิ่งใดเปนไกลตาเขาเล่ามาพี่ก็เล่าให้เจ้าฟัง
ที่ท้ายบ้านศาลจ้าวของชาวบ้านบวงสรวงศาลจ้าวผีบายศรีตั้ง
เห็นคนทรงปลงจิตรอนิจจังให้คนทั้งปวงหลงลงอบาย
ซึ่งคำปดมดท้าวว่าจ้าวช่วยไม่เห็นด้วยที่จะได้ดังใจหมาย
อันจ้าวผีนี้ถึงรับก็กลับกลายถือจ้าวนายที่ได้พึ่งจึงจะดี
แต่บ้านนอกคอกนาอยู่ป่าเขาไม่มีจ้าวนายจึงต้องพึ่งผี
เหมือนถือเพื่อนเฟือนหลงว่าทรงดีไม่สู้พี่ได้แล้วเจ้าแก้วตา
บางกระชับเหมือนกำชับให้กลับหลังกำชับสั่งว่าจะคอยละห้อยหา
วานซืนนี้พี่ได้รับกำชับมาไม่อยู่ช้ากว่ากำชับจะกลับไป
แต่เป็ดหงส์ลงหาดไม่คลาศคู่สังเกตดูดังจะพาน้ำตาไหล
เหมือนเสียทีมีเพื่อนไม่เหมือนไทยดังดินไร้เส้นหญ้าอนาทร
ถึงวัดสิงห์สิงสู่อยู่ที่นี่แต่ใจนี้พี่ไปสิงมิ่งสมร
ถึงตัวจากพรากพลัดกำจัดจรยังอาวรณ์หวังเสน่ห์ทุกเวลา
ถึงวัดท่าท่าน้ำดูฉ่ำชื่นสำราญรื่นร่มไม้ไทรสาขา
คิดถึงนุชสุดสวาทที่คลาศคลาจะคอยท่าถามข่าวทุกคราวเครือ
ถึงบ้านกล้วยกล้วยกล้ายเขารายปลูกน้ำเต้าลูกเท่ากระติกพริกมะเขือ
กล้วยหากมุกสุกห่ามอร่ามเครืออยู่ริมเรือเรียดทางข้างคงคา
คิดถึงเมื่อเรือน้องมาคลองนี้จะชวนชี้ชมประเทศกับเชษฐา
สอื้นโอ้โพล้เพล้ถึงเวลาสกุณาข้ามฝั่งไปรังเรียง
บ้างเริงร้องซร้องแซร่กรอแกรกรีดหวิวหวิวหวีดเวทนาภาษาเสียง
ลูกอ่อนแอแม่ป้อนชะอ่อนเอียงบ้างคู่เคียงเคล้าคลอเสียงซอแซ
เอ็นดูนกกกบุตรแล้วสุดเศร้าเหมือนบุตรเราเคียงข้างไม่ห่างแห
หวนสอื้นฝืนใจอาไลยแลได้เห็นแต่ตาบน้อยละห้อยใจ
ตวันรอนอ่อนอับพยับแสงดูดวงแดงดังจะพาน้ำตาไหล
ยังรอรั้งสั่งฟ้าด้วยอาไลยค่อยไรไรเรืองลับวับวิญญา
พระจันทรจรจำรูญข้างบูรพทิศกระต่ายติดแต้มสว่างกลางเวลา
โอ้กระต่ายหมายจันทร์ถึงชั้นฟ้าเทวดายังช่วยรับประคับประคอง
มนุษย์ฤๅถือดีว่ามีศักดิ์มิรับรักเริศร้างให้หมางหมอง
ไม่เหมือนเดือนเหมือนกระต่ายเสียดายน้องจึงขัดข้องขัดขวางทุกอย่างไป
น้ำค้างพรมลมเฉื่อยเรื่อยเรื่อยริ้วหนาวดอกงิ้วงิ้วออกดอกไสว
เกสรงิ้วปลิวฟ้ามายาใจให้ทราบในทรวงช้ำสู่กล้ำกลืน
โอ้งิ้วป่าพาหนาวเมื่อคราวยากสุดจะฝากแฝงหน้าไม่ฝ่าฝืน
แม้นงิ้วเปนเช่นงารเมื่อวานซืนจะชูชื่นช่วยหนาวเมื่อคราวครวญ
โอ้ดูเดือนเหมือนได้ยลวิมลพักตรไม่ลืมรักรูปงามทรามสงวน
กระจ่างแจ้งแสงจันทร์ยิ่งรัญจวนคนึงหวลนิ่งนอนอ่อนกำลัง
ถึงบ้านธรรมศาลาริมท่าน้ำเปนโรงธรรมภาคย์สร้างแต่ปางหลัง
เดชะคำทำคุณการุณังเปนที่ตั้งวาสนาให้ถาวร
ขอสมหวังดังสวาทอย่าคลาศเคลื่อนให้ได้เหมือนหมายรักในอักษร
หนังสือไทยอธิษฐานสารสุนทรจงถาพรเพิ่มรักเปนหลักโลม
โอ้เย็นฉ่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อยให้ละห้อยหวลเห็นเหมือนเช่นโฉม
พอมืดมนฝนพยับอับโพยมทรวงจะโทรมเสียเพราะรักที่หนักทรวง
ถึงถิ่นฐานบ้านเพนียดเปนเนินสูงที่จับจูงช้างโขลงเข้าโรงหลวง
เหตุเพราะนางช้างต่อไปฬ่อลวงพลายทั้งปวงจึงต้องถูกมาผูกโรง
โอ้อกเพื่อนเหมือนหนึ่งชายที่หมายมาทแสนสวาทหวังงามมาตามโขลง
ต้องติดบ่วงห่วงรักชักฉะโลงเสียดายโป่งป่าเขาคิดเศร้าใจ
เข้าจอดท่าหน้าเนินเพนียดช้างมีโรงร้างไร่ฝาเข้าอาศรัย
พอประทังบังฝนใต้ต้นไทรพวกผู้ใหญ่หยุดหย่อนเขานอนเรือ
แต่ลูกเล็กเด็กอ่อนนอนชั้นล่างน้ำค้างพร่างพรมพราวให้หนาวเหลือ
โอ้รินรินกลิ่นเกสรขจรเจือเหมือนกลิ่นเนื้อแนบชิดสนิทใน
หนาวน้ำค้างพร่างพรมจะห่มผ้าพออุ่นอารมณระงับได้หลับไหล
ถึงลมว่าวหนาวยิ่งจะผิงไฟแต่หนาวใจจากเจ้าให้เศร้าซึม
สงัดเงียบเยียบเย็นทุกเส้นหญ้าแต่สัตว์ป่าปีบร้องก้องกระหึม
ไม่เห็นหนต้นไม้พระไทรครึมเสียงงึมงึมเงาไม้พระไทรคนอง
ทั้งเปรตผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีดจังหรีดกรีดกรีดเกรียวเสียวสยอง
เสียงหริ่งหริ่งกิ่งไทรเรไรร้องแม่ม่ายลองในเพราะเสนาะใน
สงสารแต่แม่ม่ายสายสวาทนอนอนาถหนาวน่าน้ำตาไหล
อ่านหนังสือฤๅว่าน้องจะลองในเสียดายใจจางจืดไม่ยืดยาว
แม้นยอมใจให้สัตย์จะนัดน้องไปร่วมห้องหายม่ายทั้งหายหนาว
นี่หลงเพื่อนเหมือนเคี้ยวเข้าเหนียวลาวลืมเข้าจ้าวเจ้าประคุณที่คุ้นเคย
โอ้คิดอื่นหมื่นแสนไม่แม่นเหมือนที่ร่วมเรือนร่วมเตียงเคียงเขนย
สงัดเสียงเที่ยงคืนเคยชื่นเชยเมื่อไรเลยจะคืนมาชื่นใจ
จวนจะหลับกลับฝันว่าขวัญอ่อนแนบฉอ้อนอุ่นจิตรพิสมัย
พี่เคยเห็นเช่นเคยเชยฉันใดจนชั้นไฝที่ริมปากไม่อยากเฟือน
พอฟื้นกายหายรูปให้งูบง่วงกำสรดทรวงเสียใจใครจะเหมือน
ยังมิคุ้นอุ่นจิตรไม่บิดเบือนมาเปนเพื่อนทุกข์ยากเมื่อจากจร
ยังเหลือแต่แพรสีที่พี่ห่มขึ้นประธมจะถวายให้สายสมร
แม้นโฉมงามตามมาจะพาจรเมอขวัญอ่อนขึ้นไปชมประธมทอง
โอ้ยามสามยามจากเคยฝากรักได้ฟูมฟักแฝงเฝ้าเปนเจ้าของ
มาสูญขาดวาสนาน้ำตานองมิได้น้องแนบเชยเหมือนเคยเคียง
พอรุ่งรางวางเวงเสียงเครงครื้นปักษาตื่นต่างเรียกกันเพรียกเสียง
โกกิลากาแกแซ่สำเนียงสนั่นเพียงพิณพาทย์ระนาดประโคม
กระหึมหึ่งผึ้งบินกินเกสรทรวงภมรเหมือนพี่เคยได้เชยโฉม
น้ำค้างชะประเปรยเชยชะโลมพื้นโพยมแย้มสว่างกระจ่างตา
เสพย์อาหารหวานคาวแต่เช้าชื่นยังรวยรื่นรินรินกลิ่นบุปผา
กับพวกพ้องสองบุตรสุดศรัทธาขึ้นเดิรป่าไปตามทางเสียงวางเวง
กระเหว่าหวานขานเสียงสำเนียงเสนาะค้อนทองเคาะค้อนทองเสียงป๋องเป๋ง
เห็นรอยเสือเนื้อตื่นอยู่ครื้นเครงให้กริ่งเกรงโห่ฉาวเสียงกราวเกรียว
ต้นกรวยไกรไทรสะแกแคแกรกร่างน้ำค้างพร่างพร่างชุ่มชอุ่มเขียว
หนทางอ้อมค้อมคดต้องลดเลี้ยวพากันเที่ยวชมเนื้อดูเสือดาว
พอแสงแดดแผดร้อนอ่อนอ่อนอุ่นกระต่ายตุ่นต่างต่างบ้างด่างขาว
สุกรป่าช้ามดเหมือนแมวคราวเวลาเช้าชักฝูงออกทุ่งนา
เด็กเด็กโดดโลดไล่กระต่ายหลบจับประจบหกล้มสมน้ำหน้า
สนุกในไพรพนัศรัถยาทั้งบรรดาเด็กน้อยก็พลอยเพลิน
ครั้นถึงวัดพระประธมบรมธาตุสูงทายาดอยู่สันโดษบนโขดเขิน
แลทะมึนทึ่นเทิ่งดังเชิงเทินเปนโขดเนินสูงเสริมเขาเพิ่มพูล
ประกอบก่อย่อมุมมีซุ้มมุขบุดีบุกบันจบถึงนพสูญ
เปนพืดแผ่นแน่นสนิททั้งอิฐปูนจงเพิ่มพูลพิสดารอยู่นานครัน
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวลอบขอบข้างล่างล้วนรอยกวางทรายเกลื่อนไก่เถื่อนขัน
สพรั่งต้นคนทาลัดดาวัลขึ้นพาดพันพงพุ่มชอุ่มใบ
เห็นห้องหับลับลี้เปนที่สงฆ์เที่ยวธุดงค์เดิรมาได้อาศรัย
พลอยศรัทธาพาเพลินเจริญใจถึงบันไดดูโกรกชะโงกงัน
เห็นสูงสุดหยุดแลชะแง้แหงนถึงมาทแม้นบรรไลยคงไปสวรรค์
ต่างอุส่าห์พยายามต้องตามกันขึ้นถึงชั้นบนได้จิตรใจมา ฯ
สงสารสุดบุตรน้อยก็พลอยขึ้นไม่เมื่อยมึนเหมือนผู้ใหญ่ไวหนักหนา
ประนมมือถือประทีปเทียนบูชาตั้งวันทาทักษิณด้วยยินดี
ได้สามรอบชอบธรรมเปนกำหนดกราบประณตกรประนมก้มเกษี
ถวายธูปเทียนบุบผาสุมาลีกับเทียนที่ฝากถวายนั้นหลายคน
เจ้าของคิดอธิษฐานที่บ้านแล้วจงผ่องแผ้วผิวพักตรถึงมรรคผล
ให้ผาสุกทุกสมรอย่าร้อนรนประจวบจนจะได้ตรัสด้วยศรัทธา
ฉันรับฝากอยากจะใคร่ได้เปนญาติทุกทุกชาติไปอย่าขาดเหมือนปราถนา
ให้รักใคร่ไปทุกวันเห็นทันตาไปเบื้องหน้านั้นขอให้บริบูรณ์
สาธุสะพระประธมบรมธาตุจงทรงสาสนาอยู่ไม่รู้สูญ
ข้าทำบุญคุณพระช่วยอนุกูลให้เพิ่มพูลสมประโยชน์โพธิญาณ
หนึ่งขอฝากปากคำทำหนังสือให้สืบชื่อชั่วฟ้าสุธาสถาน
สุนทราอาลักษณ์เจ้าจักระวาฬพระทรงสารศรีเศวตเกษกุญชร
อนึ่งมนุษย์อุตริติต่างต่างแล้วเอาอย่างเทียบทำคำอักษร
ให้ฟั่นเฟือนเหมือนเราสาปในกาพย์กลอนต่อโอนอ่อนออกชื่อจึงฦๅชา
อนึ่งหญิงทิ้งสัตย์เราตัดขาดถึงเนื้อน้ำธรรมชาติไม่ปราถนา
ข้างนอกนวลส่วนข้างในใจสุดาเหมือนปลาร้าร้ายกาจอุจาดจริง
ถึงรูปชั่วตัวดำระยำยากรู้รักปากรักหน้าประสาหญิง
ถึงปากแหว่งแข้งคอดไม่ทอดทิ้งจะรักยิ่งยอดรักให้หนักครัน
จนแก่กกงกเงิ่นเดินไม่รอดจะสู้กอดแก้วตาจนอาสัญ
อันหญิงลิงหญิงค่างหญิงอย่างนั้นไม่ผูกพันพิศวาสให้คลาศคลา
ขอเดชะพระมหาอานิสงส์ซึ่งเราทรงศักราชพระสาสนา
เสน่ห์ไหนให้คนนั้นกรุณาเหมือนในอารมณรักประจักษ์ใจ
หนึ่งน้องหญิงมิ่งมิตรพิศวาสซึ่งสิ้นชาติชนม์ภพสบสมัย
ขอคุณพระอานิสงส์ช่วยส่งไปถึงห้องไตรตรึงศ์สถานพิมานแมน
ที่ยังอยู่คู่เคยไม่เชยอื่นจงปรากฏยศยืนกว่าหมื่นแสน
มั่งมีมิตรพิศวาสอย่าขาดแคลนให้หายแค้นเคืองทั่วทุกตัวคน
นารีใดที่ได้รักแต่ลักลอบเสน่ห์มอบหมายรักเปนพักผล
พะเอินขัดพลัดพรากเพราะยากจนแบ่งกุศลส่งสุดาทุกนารี
ให้ได้คู่สู่สมภิรมย์รักที่สมศักดิ์สมหน้าเปนราศี
สืบสกูลพูลสวัสดิ์ในปถพีร่วมชีวีกันสองคนไปจนตาย
แต่นารีขี้ปดโต้หลดหลอกให้ออกดอกเหมือนวี่วันที่มั่นหมาย
ทั้งลิ้นน้องสองลิ้นเพราะหมิ่นชายเปนแม่ม่ายเท้งเต้งวังเวงใจ
ที่จงจิตรพิศวาสอย่าคลาศเคลื่อนให้ได้เหมือนหมายมิตรพิสมัย
อย่าหมองหมางห่างเหเสน่ห์ในได้รักใคร่ครองกันจนวันตาย
เปนคู่สร้างทางกุศลจนสำเร็จสรรเพชญ์โพธิญาณประมาณหมาย
ยังมิถึงซึ่งนิพพานสำราญกายจะกลับกลายเปนไฉนอย่าไกลกัน
แม้นเปนไม้ให้พี่นี้เปนนกให้ได้กกกิ่งไม้อยู่ไพรสัณฑ์
แม้นเปนนารีผลวิมลจันทรขอให้ฉันเปนพระยาวิชาธร
แม้นเปนบัวตัวพี่เปนแมงภู่ได้ชื่นชูสู่สมชมเกสร
เปนวารีพี่หวังเปนมังกรได้เชยช้อนชมทะเลทุกเวลา
แม้นเปนถ้ำน้ำใจใคร่เปนหงส์จะได้ลงสิงสู่ในคูหา
แม้นเนื้อเย็นเปนเทพธิดาพี่ขออาศรัยเสน่ห์เปนเทวัญ
กว่าจะถึงซึ่งมหาศิวาโมกข์เปนสิ้นโศกสิ้นสุดมนุษย์สวรรค์
เสวยสวัสดิ์ชัชวาลย์นานอนันต์เหลือจะนับกัปกัลป์พุทธันดร
โอ้คิดไปใจหายเสียดายนักที่เคยรักเคยเคียงเคยเรียงหมอน
มาวายวางกลางชาติถึงขาดรอนให้ทุกข์ร้อนรนร่ำระกำตรอม
ยังเหลือแต่แพรชมภูของคู่ชื่นทุกค่ำคืนเคยชมได้ห่มหอม
พี่ย้อมเหลืองเปลื้องปลดสู้อดออมเอาคลุมห้อมหุ้มห่มประธมทอง
กับแหวนนางต่างหน้าบูชาพระสาธุสะถึงเขาผู้เจ้าของ
ได้บรรจงทรงเครื่องให้เรืองรองเหมือนรูปทองธรรมชาติสอาดตา
แล้วกราบลาพระประธมบรมธาตุเลียบลีลาศแลพินิจทุกทิศา
เห็นไรไรไกลสุดอยุธยาด้วยสุธาถมสูงที่กรุงไกร
ที่อื่นเตี้ยเรี่ยราบดังปราบเรี่ยมด้วยยืนเยี่ยมสูงกว่าปฤกษาไสว
โอ้เวียงวังยังเขม้นเห็นไรไรแต่สายใจพี่เขม้นไม่เห็นทรง
ยิ่งเสียวเสียวเหลียวย้ายทั้งซ้ายขวาล้วนทุ่งนาเนินไม้ไพรระหง
ภูเขาเคียงเรียงรอบเปนขอบวงในแดนดงดูสล้างล้วนยางยูง
ที่ทุ่งโถงโรงเรือนดูเหมือนเขียนเห็นช้างเจียนจะเท่าหมูด้วยอยู่สูง
เขาต้อนควายหวายผูกจมูกจูงเปนฝูงฝูงไรไรทุกไร่นา
ในอากาศดาษดูล้วนหมู่นกบ้างเวียนวกวนร่อนว่อนเวหา
เห็นนกไม้ไพรวันอรัญวาสอื้นอาไลยเหลียวด้วยเปลี่ยวใจ
บนประธมลมเฉื่อยเรื่อยเรื่อยรื่นกระพือผืนผ้าปลิวหวิวหวิวไหว
เสียงฮือฮือรื้อร่ำยังค่ำไปอนาถใจจนสอื้นกลืนน้ำตา
เห็นไรไรไม้งิ้วละลิวเมฆดังฉัตรเฉกชื่นชุมพุ่มพฤกษา
สูงสันโดษโสดสุดจึงครุฑาเธอแอบอาศรัยสถานพิมานงิ้ว
เห็นไม้งามนามไม้อาลัยมิตรรำคาญคิดเขินขวยระหวยหิว
ฉิมพะลีปลีอ่อนเกสรปลิวมาริ้วริ้วรื่นรื่นชื่นชื่นใจ
โอ้ยามจนอ้นอั้นกระศัลย์สวาทคิดถึงญาติดังจะพาน้ำตาไหล
แกล้งแลเลยเชยชมพนมไพรพระปรางค์ใหญ่เยี่ยมฟ้าสุธาธาร
ที่ริมรอบขอบคันข้างชั้นล่างเอาอิฐขว้างดูทุกคนไม่พ้นฐาน
แลข้างบนคนข้างล่างที่กลางลานสุดประมาณหมายหน้าในตาลาย
แล้วลาพระจะลงดูตรงโตรกสูงฉะโงกเงื้อมไม้จิตรใจหมาย
เมื่อขึ้นนั้นคั่นกระไดขึ้นง่ายดายจะลงเห็นเปนว่าหงายวุ่นวายใจ
ต้องผินผันหันหลังลงทั้งสิ้นถึงแผ่นดินยินดีจะมีไหน
เที่ยวชมวัดทัศนาศาลาไลยต้นโพธิ์ไทรสูงสูงทั้งยูงยาง
ดูเย็นชื่นรื่นร่มพนมมาศมะตูมตาดต้นเอื้องมะเฟืองฝาง
นมสวรรค์ลั่นทมต้นนมนางมีต่างต่างตันอกตกตลึง
นมสวรรค์ฉันดูสู้ไม่ได้เหมือนเตือนใจจะให้นึกลำฦกถึง
เห็นเล็บนางหมางเมินเดิรรำพึงชมกระทึงดอกดวงพวงพยอม
พิกุลใหญ่ใต้ต้นหล่นชะแล่มดูกลีบแซมชื่นเชยระเหยหอม
ผลลูกสุกห่ามงามงามงอมแต่แตนตอมต่อผึ้งฮึงฮึงฮือ
เห็นนกเปล้าเขาไฟฝูงไก่เถื่อนเที่ยวเดิรเกลื่อนกลางดินบ้างบินปรื๋อ
เหล่าลูกเล็กเด็กใหญ่ไล่กระพือมันบินรื้อร่อนลงเข้าดงดอน
ทั้งสระมีสี่มุมประทุมชาติระดะดาษดอกดวงบัวหลวงสลอน
บ้างร่วงโรยโปรยปรายกระจายจรหอมเกสรเสาวคนธ์ที่หล่นลอย
มีเต่าปลาอาศรัยอยู่ในน้ำบ้างผุดดำโดดคนองพ่นฟองฝอย
ฝูงกริมกรายรายเรียงขึ้นเคียงคอยจะคาบสร้อยเสาวคนธ์ว่ายวนเวียน
เหมือนด้วยรักหนักหน่วงไม่ร่วงหล่นให้เวียนวนหวั่นหจิตรตะขวิดตะเขวียน
แสนสนุกรุกขชาติดาษเดียรเที่ยวเดิรเวียนวนชมประธมทอง
โบสถ์วิหารท่านสร้างแต่ปางก่อนมีพระนอนองค์ใหญ่ยังไม่หมอง
หลับพระเนตรเกษเกยเขนยทองดูผุดผ่องพูลเพิ่มเติมศรัทธา
โอ้เอ็นดูหนูตาบจะกราบก้มเปลื้องผ้าห่มนอบนบจบเกษา
ขึ้นห่มพระอธิษฐานให้มารดาพลอยน้ำตาตกพรากเพราะยากเย็น
แม้นยังอยู่คู่เชยไม่เลยละมาไหว้พระก็จะพามาให้เห็น
โอ้ชาตินี้มีกรรมจึงจำเปนมาแสนเข็ญขาดมิตรสนิทใน
กราบพระเจ้าเศร้าจิตรคิดสังเวชโอ้น้ำเนตรเอ๋ยกลืนก็ขืนไหล
สารพัดตัดขาดประหลาดใจตัดอาไลยตัดสวาทไม่ขาดความ
แกล้งพูดพาตาเถ้าพวกชาวบ้านคนโบราณรับไปได้ไถ่ถาม
เห็นรูปหินศิลาสง่างามเปนรูปสามกระษัตริย์ขัติยวงศ์
ถามผู้เถ้าเล่าแจ้งจึงแต่งไว้หวังจะให้ทราบความตามประสงค์
ว่ารูปทำจำลองฉลององค์พระยากงส์พระยาภาณกับมารดา
ด้วยเดิมเรื่องเมืองนั้นถวัลยราชเรียงพระญาติพระยากงส์สืบวงศา
เอาพานทองรองประสูติพระบุตรากระทบหน้าแต่น้อยๆเปนรอยพาน
พอโหรทายร้ายกาจไม่พลาดเพลี่ยงผู้ใดเลี้ยงลูกน้อยจะพลอยผลาญ
พระยากงส์ส่งไปให้นายพรานทิ้งที่ธารน้ำใหญ่ยังไม่ตาย
ยายหอมรู้จู่ไปเอาไว้เลี้ยงแกรักเพียงลูกรักไม่หักหาย
ใครถามไถ่ไม่แจ้งให้แพร่งพรายลูกผู้ชายชื่นชิดสู้ปิดบัง
ครั้นเติบใหญ่ได้วิชาตาปะขาวแกเปนชาวเชิงพนมอาคมขลัง
รู้ผูกหญ้าผ้าภาพยนต์มนต์จังงังมีกำลังฦๅฤทธิ์พิสดาร
พระยากงส์ลงมาจับก็รับรบตีกระทบทัพย่นถึงชนสาร
ฝ่ายท้าวพ่อมรณาพระยาภาณจึงได้ผ่านภพผดุงกรุงสุพรรณ
เข้าหาพระมเหษีเห็นมีแผลจึงเล่าแต่ความจริงทุกสิ่งสรรพ
เธอรู้ความถามไถ่ได้สำคัญด้วยคราวนั้นคนเขารู้ทุกผู้คน
ครั้นถามไถ่ยายหอมก็ยอมผิดด้วยปกปิดปฏิเสธซึ่งเหตุผล
เธอโกรธาฆ่ายายนั้นวายชนม์จึงให้คนก่อสร้างพระปรางค์ประโทน
แทนคุณตามความรักแต่หักว่าต้องเข่นฆ่ากันเพราะกรรมเหมือนคำโหร
ที่ยายตายหมายปักเปนหลักประโคนแต่ก่อนโพ้นพ้นมาเปนช้านาน
จึงสำเหนียกเรียกย่านบ้านยายหอมด้วยเดิมจอมจักรพรรดิอธิษฐาน
ครั้นเสร็จสรรพ์กลับมาหาอาจารย์เหตุด้วยบ้านนั้นมีเนินศิลา
จึงทำเมรุเกณฑ์พหลพลรบปลงพระศพพระยากงส์พร้อมวงศา
แล้วปลดเปลื้องเครื่องกระษัตริยขัติยาของบิดามารดรแต่ก่อนกาล
กับธาตุใส่ในตรุบรรจุไว้ที่ถ้ำใต้เนินพนมประสมสถาน
จึงเลื่องฦๅชื่อว่าพระยาภาณคู่สร้างชานเชิงพนมประธมทอง
ท่านผู้เถ้าเล่าแจ้งจึงแต่งไว้หวังจะให้สูงเสริมเฉลิมฉลอง
ด้วยเลื่อมใสในจิตร์คิดประคองให้เรืองรองรุ่งโรจน์ที่โบสถ์ราม
ก็จนใจได้แต่ทำคำหนังสือช่วยเชิดชื่อท่านผู้สร้างไว้ทั้งสาม
ให้ฦๅชาปรากฏได้งดงามพอเปนความชอบบ้างในทางบุญ
ถ้าขัดเคืองเบื้องหน้าขออานิสงส์สิ่งนี้จงจานเจือช่วยเกื้อหนุน
ทั้งแก้วเนตรเชษฐาให้การุญอย่าเคืองขุ่นข้องขัดถึงตัดรอน
แล้วลาออกนอกโบสถ์ขึ้นโขดหินตรวจวารินรดทำคำอักษร
ส่งส่วนบุญสุนทราสถาพรถึงบิดรมารดาคุณอาจารย์
ถวายองค์มงกุฎอยุธเยศทรงเศวตคชงามทั้งสามสาร
เสด็จถึงซึ่งบุรีนีรพานเคยโปรดปรานเปรียบเปี่ยมได้เทียมคน
สิ้นแผ่นดินปิ่นเกล้ามาเปล่าอกน้ำตาตกตายน้อยลงร้อยหน
ขอพบเห็นเปนข้าฝ่ายุคลพระคุณล้นเลี้ยงเฉลิมให้เพิ่มพูล
ถึงล่วงแล้วแก้วเกิดกับบุญฤทธิยังช่วยปิดปกอยู่ไม่รู้สูญ
สิ้นแผ่นดินทินกรจรจำรูญให้เพิ่มพูลพอสว่างหนทางเดิร
ดังจินดาห้าดวงช่วงประทีปได้ชูชีพช่วยทุกข์เมื่อฉุกเฉิน
เปนทำนุอุประถัมภ์ไม่ก้ำเกินจงเจริญเรียงวงศ์ทรงสุธา
อนึ่งน้อมจอมนิกรอักษรราชบำรุงสาสนาสงฆ์ทรงสิกขา
จงไพบูลย์พูลสวัสดิ์วัฒนาชนมาหมื่นแสนอย่าแค้นเคือง
สิโนทกตกดินพอสิ้นแสงตวันแดงดูฟ้าเปนผ้าเหลือง
สิโรราบกราบลากลับมาเมืองเปนสิ้นเรื่องที่ไปชมประธม เอย ๚

เนื้อเพลง