วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566

วังแม่ลูกอ่อน

 



ตำนานแสนเศร้าของลูกสาวเศรษฐีกับหนุ่มชาวนา เป็นตำนานพื้นบ้านของจังหวัดชัยนาท “วังแม่ลูกอ่อน” สถานที่ของเรื่องราวตั้งอยู่ ณ เกาะกลางแม่น้ำบริเวณตีนสะพานที่จะขึ้นไปสัญจรบนสันเขื่อนเจ้าพระยา หมู่ที่ ๔ ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท อันเป็นที่ตั้งเดียวกับโบสถ์หลวงพ่อหิน วัดกรุณา ที่นั่นมีศาลจีน รำลึกถึงตำนานวังแม่ลูกอ่อนที่ชาวบ้านสร้างขึ้น 

ตำนานวังแม่ลูกอ่อน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ.หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาทเมื่อหลายสิบปีก่อน มีเศรษฐีคนหนึ่งนามว่า “บุญมี” ภรรยานามว่า “บุญมา” เศรษฐีมีลูกสานามว่า “มารศรี” ทั้งสองตั้งใจว่าจะให้ลูกสาวได้แต่งงานกับคนมีฐานะเท่าเทียมกัน แต่มารศรีนั้นได้ตกหลุมรักกับชายหนุ่มที่ทำอาชีพชาวนา มีฐานะยากจนเป็น นามว่า “เชษฐา” จึงถูกขัดขวางจากผู้เป็นพ่อ แต่ด้วยความรักที่มีต่อกันทั้งสองจึงตกลงหนีตามกันไป แล้วปลูกกระท่อมอยู่กลางป่าหาเลี้ยงชีพด้วยการทำนาและเผาถ่านประทังชีวิตไปวัน ๆ ทั้งสองถึงจะฐานะยากจนแต่ก็มีความสุขกันตามประสา จนเวลาผ่านไปหลายปี ทั้งสองก็มีลูกคนแรกชื่อจุก และกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง ด้วยฐานะที่ยากจนอยู่แล้ว เมื่อมีลูกก็ยิ่งลำบากมากขึ้น บางวันไม่มีแม้แต่อาหารจะกิน มารศรีจึงปรึกษาสามีว่าจะลองกลับไปขอขมาพ่อแม่เพราะทนความลำบากไม่ไหว พ่อกับแม่อาจจะเมตตาสงสาร แล้วยกโทษให้ ในวันรุ่งขึ้นทั้งสามคนจึงออกเดินทางทันที จนถึงเวลาพลบค่ำจึงเข้าไปพักที่ใต้ต้นไทรกลางป่า มารศรีเกิดเจ็บท้องจะคลอด เชษฐาจึงออกไปหาสมุนไพรมาให้ แต่ไม่ได้ระวังตัวจึงถูกงูพิษฉกกัดจนสิ้นใจตาย

ฝ่ายมารศรีเจ็บท้องมาก รอสามีอยู่นานไม่เห็นกลับมาสักที จึงจูงมือลูกพากันออกไปตามหา จนกระทั่งไปพบศพของสามีที่ถูกงูกัดตาย นางเสียใจมาก ร้องไห้คร่ำครวญจนกระทั่งคลอดลูกออกมา ดูน่าเวทนายิ่งนักหลังจากเศร้าโศกเสียใจอยู่นาน นางจึงตัดใจกราบลาศพสามีแล้วพาลูกทั้งสองเดินทางกลับบ้านต่อไปจนถึงชายฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งน้ำเชี่ยว แต่ไม่ลึกมากจนขาหยั่งไม่ถึงพื้น มารศรีไม่สามารถพาลูกข้ามไปทีเดียวได้ทั้ง 2 คน จึงสั่งให้ลูกคนโตรออยู่ก่อน แล้วนางก็ก้าวลงน้ำอุ้มลูกคนเล็กข้ามฝั่งไป เมื่อไปถึงฝั่งนางก็วางลูกคนเล็กไว้ที่ฝั่งแล้วเดินลุยน้ำกลับมาอีกฝั่งหนึ่งเพื่อจะกลับไปรับลูกคนโต แต่พอนางถึงกลางแม่น้ำมีเหยี่ยวใหญ่ตัวหนึ่งโฉบลูกคนเล็กของนางไป ด้วยความตกใจนางจึงโบกมือไล่เหยี่ยวใหญ่ ลูกคนโตเห็นแม่โบกไม้โบมือก็คิดว่าแม่เรียกตน จึงก้าวลงไปในน้ำและจมน้ำเสียชีวิตทันที มารศรีร้องไห้ แทบขาดใจเมื่อเห็นลูกจากไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน นางรู้สึกว่านางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นางจึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในน้ำตามลูกของนางไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื้อเพลง